Tyson Fury นักมวยสากลอาชีพ นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวตที่เก่งที่สุดในยุคปัจจุบัน
Tyson Fury มีชื่อเต็มว่า ไทสัน ลุก ฟิวรี (Tyson Luke Fury) เขาเป็น นักมวยสากลอาชีพ ชาวอังกฤษ แชมป์โลก WBC และเดอะริงรุ่นเฮฟวี่เวท อดีตแชมป์โลก WBA (Super), IBF, WBO, IBO, The Ring โดยการเอาชนะ วลาดีมีร์ คลิทช์โก แชมป์โลกชาวยูเครน ที่ครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน ในเดือนธันวาคม 2019 ฟิวรีได้รับการจัดอันดับ ว่าให้เป็น นักมวยสากล รุ่นเฮฟวี่เวท ที่ดีที่สุดในโลกโดย The Ring รองจากคณะกรรมการจัดอันดับมวยข้ามชาติและอันดับที่สี่โดย BoxRec
ตระกูล ฟิวรี่ มีรากเหง้ามาจากประเทศไอร์แลนด์ บรรพบุรุษของ ฟิวรี่ เป็นนักเดินทางและนักผจญภัย ที่ไม่ได้ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักเป็นแหล่ง หรือที่เรียกกันว่าพวก “ยิปซี” หลังจากที่ตระกูลเข้ามาสู่เจเนเรชั่นที่ปู่ของเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ปู่ของ ไทสัน ฟิวรี่ ก็ได้เปลี่ยนเส้นทางของตระกูลจากเร่ร่อนพเนจร ให้กลายเป็นเป็นตระกูลของเหล่านักสู้
ปู่ของ ไทสัน ฟิวรี่ เป็นนักมวย และพ่อของเขาที่ชื่อว่า จอห์น ก็เป็นนักชกแห่งเบลฟาสต์ โดยในช่วงปี 1980 เหมือนกัน พ่อของเขาเดินแซงหน้าปู่ของเขาไป 1 ก้าวด้วยการมีโอกาสได้ขึ้นชกในเวทีอาชีพ หลังจากแอบขึ้นชกแบบไม่มีใบอนุญาตรวมถึงการเป็นนักสู้กำปั้นเปล่า และยังได้รับฉายาว่า “ไอ้ยิปซี” จอห์น ฟิวรี่
แต่ทว่าพ่อของเขาก็เป็นได้เท่านั้น แม้ว่าจะมีใจนักสู้ แต่ฝีมือของ จอห์น ไม่ได้ถึงขั้นมีชื่อเสียงอะไร ดังนั้นความฝันจากปู่ ที่ส่งมาถึงพ่อ และจากพ่อ ก็ส่งไปถึงลูกชายให้รับผิดชอบชื่อเสียงตระกูลต่อไป นั่นคือทำไม ไทสัน ฟิวรี่ ถึงมีชื่อว่า ไทสัน ก็เพราะว่า พ่อของเขาหวังอยากให้ลูกชาย กลายเป็น โคตรนักชกอย่าง ไมค์ ไทสัน นักมวยชาวอเมริกันที่โด่งดังนั่นเอง
ตั้งแต่ ไทสัน จำความได้ เขาก็ถูกฝึกให้เป็นนักชกแล้ว แม้ว่าจะตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป เพราะตลอดที่เขาคลอดออกมาจากท้องแม่ เขาหนักเพียง 5 ขีด หรือคลอดออกมาก่อนกำหนดนั่นเอง แม้ว่าเขาจะตัวเล็ก แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่สนใจ เขาคาดหวังว่าลูกชายของเขาจะต้องไปได้ไกลกว่าตัวเอง ไทสัน จึงถูกฝึกให้กินและสอนให้สู้ และเขาเองก็ปฏิบัติตามเพราะอย่างน้อย มวยคือสิ่งที่ทำให้เขาไม่โดนเด็กคนอื่นรุ่นเดียวกันรังแก
“ผมตัวเล็กมากเลยตอนเด็กๆ จนกระทั่งอายุ 9-10 ขวบนี่แหละที่ผมเริ่มสูงขึ้นซึ่งมันทำให้ผมดูผอมแห้งยิ่งกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องกินทุกอย่างที่ขวางหน้ารู้ตัวอีกทีตอนอายุ 14 ปี ผมก็กลายเป็นเด็กที่ตัวอ้วนที่สุดในห้องเรียนไปแล้ว” ไทสัน เล่าถึงวัยเด็ก
“ผมโดนแกล้งตลอดไม่ใช่แค่ในโรงเรียน เวลาไปเล่นที่สวนสาธารณะผมก็โดนเหมือนกันจะหมัดหรือแข้งผมโดนมาหมดแล้ว พี่ชายผมคอยจัดการพวกที่ชอบมาแกล้งผมให้ แต่ยิ่งผมเห็นเขาทำแบบนั้นผมยิ่งอยากจะเข้าโรงยิมฝึกมวยแบบจริงจัง”
แชมป์ที่สมบูรณ์แบบ สายเลือดนักสู้ ชาวยิปชี นั่นคือทำไมเขาถึง เรียกตัวเองว่า ยิปชีคิง
สายเลือดนักสู้ ของตระกูล ไทสัน ฟิวรี่ ถูกปลุกขึ้นมาจาก การที่เขาเอาจริงเอาจังกับการเข้ายิมเป็นประจำ ฝึกทักษะมวย และกินอาหารอย่างถูกหลัก หลังจากนั้น เด็กทารกหนัก 1 ปอนด์ ก็กลายเป็น คนร่างยักษ์ใหญ่ แห่งแมนเชสเตอร์ ไปอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสูงถึง 2 เมตร ตอนอายุ 18 ปี และก็เข้ายิมทำร่างกายให้แข็งแรงสมส่วน มีมัดกล้ามที่ทำให้ใครเห็นก็รู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า
ทั้งที่เขาไม่อยากทะเลาะวิวาทกับใคร แต่กลายเป็นว่า ยิ่งตัวใหญ่ กลับยิ่งเป็นเป้าของนักเลงตามท้องถนน ทุกคนอยากจะสู้กับเขา เพื่อแสดงความแข็งแกร่ง ที่สามารถเอาชนะ ไอ้ยักษณ์ตัวใหญ่นี่ได้ สุดท้ายแล้ว การที่เขาตัวใหญ่ขึ้น ก็ยังเหมือนเดิม โดนรังแกอยู่ดี แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเพราะถ้าหเขาคิดจะสู้ขึ้นมา พวกนักเลงคงลงไปกองที่พื้นในไม่กี่วินาที แต่เขากลับไม่ทำ
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดี แต่เพราะเขามีฝันที่อยากจะขึ้นชกในระดับเมื่ออาชีพมากกว่า ถ้าเขาเอาวิชาหมัดมวยไปแลกกับนักเลงข้างถนน เขาอาจจะถูกยึดใบอนุญาต เพราะทำผิดกฎหมายบ้านเมือง กลายเป็นอันจบเส้นทางอาชีพนักมวย ที่เป็นความฝันของตระกูลฟิวรี่ไปเลยก็ได้
ไทสัน ฟิวนี่ มีความฝัน ซึ่งก็เป็นฝันที่โดนพ่อยัดเยียด เขาอยากที่จะขึ้นชกในโอลิมปิกสักครั้ง จึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกเพื่อไปคัดตัวเป็นตัวแทนของ มวยสากล รุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวตของสหราชอาณาจักร ในโอลิมปิก เกม 2008 ทว่าเขากลับไม่สามารถผ่านการทดสอบ แม้จะดูน่าผิดหวังแต่นั่นก็กลายเป็นทำให้เขาตัดสินใจทางเดินได้ชัดเจนขึ้น เมื่อหันที่จะไปเป็นนักมวยอาชีพแบบเต็มตัว
เส้นทางของการเป็น นักมวยสากลอาชีพ ของ Tyson Fury
ไทสัน เปลี่ยนเส้นทางทันทีหลังจากพลาดโอลิมปิก เป็นช่วงเวลาที่ชื่อเสียงของเขาเริ่มเข้ามา เพราะสไตล์ของเขาถูกพูดถึงกันในแง่ของมวยเฮฟวี่เวตที่แปลกออกไปจากคนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน เพราะ ฟิวรี่ ไม่ใช่คนหมัดหนักระดับชกทีเดียวสลบ แต่เขาเป็นนักมวยที่มีทักษะเป็นเลิศที่สุดคนหนึ่ง มีความเร็วในระดับที่เหนือกว่ามวยรุ่นยักษ์ทั่วไป ช่วงชกที่ยาวมากทำให้ได้เปรียบคู่แข่งเสมอ และที่สำคัญสุดเลยคือเป็นนักชกที่มีจุดขายโดดเด่นนั่นคือ “ฝีปาก”
ฝีปากของ ฟิวรี่ ถือว่าชั้นหนึ่ง เพราะเขาทำให้คนอื่นหัวร้อนได้ และสิ่งที่ทำให้ฝีปากของเขามีราคานั่นคือฝีมือของเขาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ฟิวรี่ ไม่เคยแพ้ใครเลยแม้แต่หนเดียวนับตั้งแต่เทิร์นโปร ซึ่งเมื่อเขาไล่กวาดคู่ชกในสหราชอาณาจักรมาจนหมดแล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการยั่วแชมป์โลกเพื่อเรียกกระแส ซึ่งหวยออกที่ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ ยอดนักชกชาวยูเครน
ในตอนนั้น ฟิวรี่ กำลังมีความกระหายชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ส่วนทางฝั่ง คลิทช์โก้ ที่ถือว่าเป็นยอดมวยรุ่นยักษ์ถูกถามว่าเขารู้สึกอย่างไรสำหรับไฟต์ดังกล่าวในปี 2013 เขาตอบกลับอย่างสุภาพและให้เกียรติผู้ท้าชิงอย่าง ฟิวรี่ เต็มที่
“ผมเชื่อว่าการได้ชกกับ ไทสัน ฟิวรี่ จะเป็นไฟต์ที่แตกต่างไปจากที่ผมเคยเจอ ฟิวรี่ สูงกว่าผมและเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นนะ เราจะชกกันอย่างดุเดือดและผมรอให้ถึงวันนั้นจริงๆ” วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ ไม่รู้แล้วว่าเขากำลังให้เกียรติกับคนที่ไม่ควร
ฟิวรี่ ได้โอกาสและตอบโต้แบบเจ็บแสบ เขารู้วิธีที่จะทำให้ตื่นเต้นเร้าใจแฟน ๆ “มวยรุ่นเฮฟวี่เวตน่าเบื่อมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เอาเถอะไว้ผมจะลงไปสั่นคลอนบัลลังก์ และทำให้ความตื่นเต้นนั้นกลับมาเองไม่ต้องห่วงเลย” คือสิ่งที่เขาพูด ซึ่ง ณ วันนั้นเขายังไม่มีแชมป์สถาบันหลักติดไม้ติดมือเลยแม้แต่แชมป์เดียว แต่นั่นเองมันคือสิ่งที่แตกต่าง คาแร็คเตอร์ของ ไทสัน ฟิวรี่ กลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าโปรโมเตอร์
หลังจากที่มีการประกาศการชกอย่างเป็นทางการ ฟิวรี่ ก็เริ่มที่จะใช้ฝีปากมากขึ้น เขาพร้อมรับบทตัวโกงปากมากที่คนดูอยากจะเห็นเขาโดนสุภาพบุรุษคลิทช์โก้น็อคด้วยหมัดที่หนักหน่วง
“ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง ผมไปเข้าซาวน่าพร้อมๆ กับ คลิทช์โก้ พอดี ตอนนั้นมีคนอยู่ในห้อง 10 คน ทุกคนมองมาที่เราว่าจะใส่กันหรือเปล่า ในใจเขาคิดยังไงผมไม่รู้ แต่ในใจที่ผมคิดคือผมพร้อมจะตายตั้งในห้องซาวน่านั้นแล้ว ส่วนผลสุดท้ายคืออะไรนะเหรอ วล้าด เดินออกจากห้องนั้นไปก่อนไงล่ะ” ฟิวรี่ ยังไม่ยอมหยุดยียวาน
ทว่าแต่เมื่อขึ้นชกกันจริง ๆ ฟิวรี่ ก็สามารถใช้ทุกสิ่งที่มีทั้งความเร็ว ทักษะ และช่วงชกที่ยาวกว่าเอาชนะ คลิทช์โก้ ไปได้หลังชกครบ 12 ยก หลายคนกังขาว่า วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในช่วงขาลงหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลยเพราะก่อนที่จะแพ้ ฟิวรี่ นั้นเขาเพิ่งเอาชนะ อเล็กซานเดอร์ โพเวตกิ้น แชมป์ชาวรัสเซียมาหมาด ๆ นี้นี่เอง
การชนะ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ ทำให้ ไทสัน ฟิวรี่ ชิงเข็มขัดแชมป์มาทีเดียว 5 เส้น ทั้ง WBA (Super), IBF, WBO, IBO และ The Ring พร้อมสถาปนาตนเป็น “ราชายิปซี” อย่างภาคภูมิ
สถิติการขึ้นชก ที่ตามมาด้วยโรคซึมเศร้า
ไทสัน ฟิวรี่ เป็นนักมวยสากล วัย 33 ปี มีสถิติการขึ้นชกในระดับมืออาชีพที่ไม่ธรรมดา ซึ่งเขาขึ้นชกทั้งหมด 32 ไฟต์ ชนะ 31 ครั้ง ชนะน็อก 22 ครั้ง และเสมอ 1 ครั้ง และยังไม่เคยแพ้ ถือได้ว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลก อีกคนหนึ่งเลย แต่ทว่าหลังจากที่เขาได้ถือเข็มขัดแชมป์ 5 เส้น เขากลับมีความรู้สึกที่ว่างเปล่า เขาไม่ได้ฉลองใหญ่โต และไม่ประกาศออกสื่อเหมือนก่อนที่จะเป็นแชมป์
ฟิวรี่ ได้พูดถึงสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากการเป็นแชมป์โลก แต่มันก็เกิดขึ้น นั่นก็คือโรคซึมเศร้า เขาต้องสู้รบกับจิตใจตัวเอง ความรักที่เคยมี ความทุ่มเทที่เคยลงกายลงแรงหายไปไหนหมดในเวลานี้? มันทำให้เขาหมดแรงบันดาลใจในการฝึกซ้อม หันมากินเหล้าและซัดโคเคน ทำให้เขาโดนแบนเป็นระยะเวลา 2 ปี แต่ความพยายามอยู่ที่ใหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น เขาได้ใช้เวลา 2 ปี ในการฝึกซ้อมอย่างจริงจังเพื่อกลับมาเป็นนักมวยสากล ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : แทงบอลออนไลน์ , ดูอนิเมะออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม => คาเนโล่ อัลวาเรซ