Alex Pereira

Alex Pereira ติดเหล้า บ้านยากจน แต่ชีวิตเปลี่ยนด้วย “การชกมวย”

Alex Pereira อเล็กซานโดร เปเรย์รา เป็นนักชกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมืออาชีพชาวบราซิล นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก และอดีตนักมวยคิกบ็อกซิ่ง ปัจจุบันเขาแข่งขันในรุ่นมิดเดิลเวตในรายการ Ultimate Fighting Championship (UFC) ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นแชมป์ UFC รุ่นมิดเดิลเวต ในคิกบ็อกซิ่ง เขายังเคยเป็นอดีตแชมป์ Glory รุ่นมิดเดิลเวตและรุ่นไลท์เฮฟวีเวต

และเป็นนักมวยคนแรกและคนเดียวที่ครองตำแหน่ง Glory ในสองรุ่นน้ำหนักพร้อมกัน เปเรย์รา ยังได้เข้าร่วมการโปรโมตเช่น It’s Showtime และ SUPERKOMBAT Fighting Championship ณ วันที่ 21 มีนาคม 2023 ในปัจจุบันนี้เขาอยู่ในอันดับที่ 6 ในการจัดอันดับ UFC ชาย แบบปอนด์ต่อปอนด์ ความสำเร็จของเขาจะเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนทั่วโลก

แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่าเส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้ง่าย และนี่คือเรื่องราวชีวิตของ นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก อเล็กซ์ เปเรย์รา

อเล็กซ์ เปเรย์รา เด็กหนุ่มจากสลัม ทำงานในร้านยางยนต์

ย้อนกลับไปปี 1987 ที่เซาเปาโล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล Alex Pereira เกิดมาในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่อาศัยอยู่ในย่านฟาเวล่า ซึ่งย่านนี้เป็นย่านที่ชาวบราชิลเรียกกันว่าย่านสลัม เปเรย์รามีพ่อเป็นช่างก่ออิฐ ทำงานกรรมกร ส่วนแม่ของเขาเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร ด้วยความที่ครอบครัวของเขายากจน

เมื่อเปเรย์รา อายุได้ 12 ปี หรือขึ้นช่วงมัธยมต้น เขาเลือกลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว โดยเด็กหนุ่มเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ในร้านยางรถยนต์ ช่วงแรกที่เขาไปเขาก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมีทัศนคติว่า “ถ้าได้ทำอะไรแล้ว ต้องทำให้สุด” ทัศนคตินี้ส่งผลทำให้เขาขยันที่จะเรียนรู้ จนสุดท้ายเขาก็สามารถทำงานยาก ๆ หนัก ๆ แบบผู้ใหญ่ได้หมด

ในช่วงนั้น เขาทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งนั่นถือว่าหนักมากสำหรับเด็กอายุ 12 ปีแต่แน่นอนว่า สำหรับเปเรย์ราแล้ว มันคุ้มค่าที่ได้แบ่งเบาภาระครอบครัว เปเรย์ราพูดถึงตัวเองในวัยเด็กไว้ว่า ตอนนั้นเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับชีวิต มีแค่ความหวังแค่อยากจะซื้อมอเตอร์ไซค์ให้กับตัวเองสักคัน ส่วนรถยนต์ก็ไม่แน่ แต่ถ้าเป็นบ้าน เขาคิดว่าตัวเขาคงไม่มีทางซื้อได้ เพราะมันห่างไกลจากความเป็นจริง

การทำงานที่ร้านยางรถยนต์ทำให้ชีวิตของเปเรย์ราดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ชีวิตของเขาแย่ลง เพราะเด็กหนุ่มเริ่มถลําลึกไปกับสิ่งที่เรียกว่า “แอลกอฮอล์” 

เป็นเรื่องปกติสำหรับวัยรุ่น วัยที่กำลังอยากเรียนรู้และอยากลอง เปเรย์ราเริ่มต้นดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ โดยเขาแอบดื่มกับเพื่อนฝูงในวันปีใหม่ เป็นการลองดื่มเล่น ๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วไป จนกระทั่งเขาเริ่มทำงานในร้านยางรถยนต์ และด้วยสังคมก็ทำให้เขากลับมาดื่มอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นเป็นการดื่มที่เข้าขั้นเสพติด

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีเงิน แต่หลังจากที่เขาทำงานเสร็จ แล้วงานออกมาดี หัวหน้าในร้านก็มักจะตบรางวัลเป็นเบียร์หรือไม่ก็ลัง คาซาค่า ซึ่งเป็นเหล้าขาวที่นิยมในบราซิล โดยเครื่องดื่มพวกนี้เป็นของโปรดของเขาเลยทีเดียว โดยวิธีการดื่มของเขาก็คือการดื่มไปทำงานไป อีกทั้งดื่มตลอดทั้งวัน และหากวันไหนมีปาร์ตี้เขาก็จะดื่มข้ามคืน

ในช่วงแรกเปเรย์รากลัวว่าตัวเองจะติดเหล้า เขาจึงลองหยุดดื่มไปหนึ่งเดือน ก่อนจะพบว่าตัวเองสามารถหยุดดื่มได้ เขาก็เลยกลับมาดื่มอีก โดยคิดไว้ว่าเป็นเพียงแค่สีสันชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ดื่มหนักขึ้นกว่าเดิม และเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 16 ปีก็ติดเหล้าจนถึงขั้นต้องดื่มคาซาค่าทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ลิตร

ซึ่งการอาการติดเหล้าของเขานั้นก็ทำให้เขามาทำงานสาย เสียการเสียงาน พ่อแม่เริ่มตักเตือน จนกระทั่งเขาอายุ 21 ปีก็มาถึงจุดเปลี่ยนที่เขาเริ่มรู้แล้วว่าต้องเลิกดื่มให้ได้ โดยที่เขาหันไปพึ่งกีฬา ซึ่งในช่วงนั้นกีฬาฟุตบอลกำลังเป็นที่โด่งดังและนิยมมาก ๆ ในบราซิล เขาจึงลองไปเล่นฟุตบอลและเล่นไประยะหนึ่ง แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่ทางของเขา เพราะเขาเล่นไม่รุ่งจริง ๆ

อยู่ ๆ เปเรย์ราก็นึกออกขึ้นมาว่า เขาเคยชกกับคนข้างถนน แถมการชกมวยก็เป็นกีฬาเหมือนกัน หลังจากนั้นเปเรย์ราจึงเริ่มต้นหาที่ซ้อมมวยจนได้ไปเจอยิมคิกบ็อกซิ่งใกล้ ๆ และที่นี่เองคือยิมที่ทำให้เขาค้นพบตัวตน

เส้นทางการเป็นนักมวยคิกบ็อกซิ่งและการเลิกเหล้าแบบเด็ดขาด

โค้ชคนแรกของเปเรย์รา มาจากชนเผ่าพื้นเมืองที่มีต้นตระกูลเป็นคนอินเดียน ด้วยความที่เปเรย์รา มีหมัดซ้ายที่หนักหน่วง โค้ชจึงตั้งฉายาให้เขาว่า “Poatan” ที่เป็นภาษาของชนเผ่าพื้นเมือง แปลว่า “มือหิน” อยู่มาวันหนึ่งโค้ชถามเปเรย์ราว่า ครอบครัวเขามีเชื้อสายชนพื้นเมืองรึเปล่า ซึ่งในตอนแรกเปเรย์ราก็ไม่แน่ใจนัก แต่พอกลับไปถามแม่ที่บ้านจึงได้ค้นพบว่า

พ่อของเขาเป็นคนเชื้อสายชนพื้นเมือง และก่อนที่พ่อจะมาเจอกับแม่ที่เซาเปาโล พ่อเขาก็เคยอยู่ในป่ากับกับชนเผ่าพื้นเมืองมาก่อน เมื่อเปเรย์ราได้รู้ถึงรากเง้าของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจเข้าป่าเพื่อไปหาชนเผ่าพื้นเมือง และนั่นก็ทำให้เขารู้จักกับคนพื้นเมือง ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากชนเผ่า ทั้งเพลงของชนเผ่าที่เขาใช้เป็นเพลงเปิดตัวตอนขึ้นชกทุกไฟท์

ชนเผ่าพื้นเมือง

นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้การยิงธนู ที่ต่อมาได้กลายเป็นกีฬาโปรดของเขา และยังกลายเป็นท่าประจำตัวก่อนขึ้นชกของเขาด้วย เปเรย์ราเล่าถึงการหล่อมรวมกับชนเผ่าพื้นเมืองไปว่า มันทำให้เขามั่นใจมากขึ้นและรู้สึกอยากคืนชีพต้นกำเนิดของเขา

กลับมาที่ยิม ผ่านไป 3 ปีแม้เปเรย์รายังไม่สามารถเลิกดื่มได้แต่เขาก็แก้ปัญหาด้วยการไปซ้อมทั้ง ๆ ที่ยังเมา ผ่านไปนานวันเขาก็เริ่มดื่มน้อยลง ตรงกันข้ามกับทักษะการต่อยมวยของเขาที่เริ่มดีมากขึ้น จากตอนแรกที่ชกมวยเพื่อเลิกเหล้า เปเรย์รากก็เริ่มลงแข่งขัน แม้จะไม่มีเงินแต่เขาก็อาศัยเรื่ยไรเงินจากเพื่อนบ้าน ร้านค้าในละแวก คนรู้จัก เพื่อนำมาใช้เป็นค่าสมัคร ค่าอาหาร ค่าที่พัก

โดยเขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง หลังจากฝึกซ้อมได้ปีที่ 4 เขาก็สามารถคว้าแชมป์คิกบ็อกซิ่งในบราซิลได้สำเร็จ ถึงจุดนั้นทำให้เขามองเห็นตัวเองว่าสามารถเอาดีในด้านนี้ได้ และด้วยความที่เขารู้ตัวเองว่าไม่เหมือนคนทั่วไปที่ห้ามใจไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ เขาจึงเลิกแบบเด็ดขาด ไม่กลับไปดื่มอีกเลยเพราะเหล้าคือสิ่งที่ฉุดรั้งเขาไว้นานกว่า 10 ปีโดยเขามุ่งหน้าต่อไปสู่การเป็นแชมป์โลก

และในปี 2014 ยอดนักสู้ชาวบราซิล ก็สามารถคว้าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งของ Glory ได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าสู่เวที MMA ในปี 2015

คว้าแชมป์คิกบ็อกซิ่งได้อย่างสวยงาม รักษาแชมป์ไว้ได้ 5 สมัย และการกลับไปแข่ง MMA

ในไฟท์แรกของเวที MMA Alex Pereira ต้องเจอกับนักสู้ยิวยิตสูสายดำ สำหรับคนทั่วไปที่เคยเห็นว่าเปเรย์ราเคยเป็นนักมวยยืนชกมาก่อน คงคิดว่าเขาอาจจะสู้ไม่ได้ แต่ผิดคาด เพราะเมื่อสัญญาณของกรรมการบอกให้เริ่มชก ยอดนักสู้ชาวบราซิล ไม่กลัวที่จะสู้ในเกมภาคพื้นเลย ในยกแรกเขาเกือบทำท่า Arm bar ได้สำเร็จ ส่วนในยกที่สองเขาปล่อยหมัดขวาใส่คู่ต่อสู้จนเกือบน็อคได้ แต่พอในยกสามเปเรย์รากลับหมดแรงไปดื้อ ๆ

จนไม่สามารถป้องกันการ Take down ได้เลย และสุดท้ายเขาก็แพ้ซับมิชชั่นด้วยท่า Rear naked choke ในที่สุด เป็นการยัดเยียดความปราชัยมาให้เขาเป็นครั้งแรกในเวทีศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานให้กับเขา

ในปี 2016 เขาได้กลับมาชกศึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอีกสองไฟท์ และเขาก็สามารถน็อคคู่ชกได้ทั้งสองคน ก่อนเจ้าตัวจะหยุดยกด้วยสองเหตุผลหลัก คือการไม่ได้รับค่าเหนื่อยที่คาดหวังไว้ ส่วนเรื่องที่สองคือฟอร์มในการชกมวยคิกบ็อกซิ่งของเขากำลังไปได้สวย โดยหลังจากที่เขากลับมาชกในคิกบ็อกซฺิ่งได้หนึ่งปี เขาก็สามารถคว้าแชมป์ Glory รุ่นมิดเดิลเวทได้อย่างสวยงาม

ซึ่งเป็นเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งที่หินที่สุดในโลก และนอกจากคว้าแชมป์ได้แล้ว ระหว่างปี 2017 – 2019 เขายังป้องกันแชมป์ไว้ได้ถึง 5 สมัย เวลาผ่านไปสี่ปีทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีจนเขาได้รับการยอมรับว่าเป็น นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น มีเงิน มีเวลาปั้นสองสาวของเขาให้มาเป็นนักมวย แต่ยังมีอีกสิ่งที่เขาเคยลองทำแล้วแต่ยังไปไม่สุด

นั่นคือการชก MMA แต่การกลับไปชกในศึกmma คือความเสี่ยงที่ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าถ้าเขาตบเท้าเข้าไปแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปชก เพราะคำสัมภาษณ์ของอดีตคู่ต่อสู้ของเขาอย่าง Israel Adesanya

Israel Adesanya

ทั้งคู่เคยเจอกันในศึก Glory2016 โดยไฟท์นั้นทั้งคู่สู้กันได้อย่างดุเดือนและสูสี อเดซันยาออกอาวุธได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่เปเรย์ราก็ออกหมัดได้อย่างเฉียบคม สุดท้ายจบด้วยที่ ยอดนักสู้ชาวบราซิล ชนะคะแนนไปได้แบบไม่เป็นเอกฉันท์ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งปีพวกเขาก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนั้นอเดซันยาเปลี่ยนแผนเป็นเดินบุกใส่ได้นับเปเรย์รา หากใครที่เคยดูไฟท์นั้นจะเห็นว่าเปเรย์ราแพ้แน่นอน

จนกระทั่ง นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก ฮุกซ้ายใส่อเดซันย่าในยกที่สาม สามารถชนะน็อกไปได้ในที่สุด หลังจากไฟท์นั้นทั้งคู่ก็มีเส้นทางที่แตกต่างกัน โดย ยอดนักสู้ชาวบราซิล ประสบความสำเร็จในเส้นทางคิกบ็อกซิ่ง ในขณะที่อเดซันย่าย้ายไปชกที่ UFC และประสบความสำเร็จเช่นกัน ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่น่าจะได้กลับมาสู้กันอีก จนกระทั่งตุลาคม 2020 อเดซันย่าได้ให้สัมภาษณ์ว่า

“ผมถูกน็อคครั้งแรก ครั้งเดียวในชีวิต และมันก็เป็นการแพ้คนเดียวกันสองรอบติด ผมเรียนรู้หลายอย่างจากไฟท์นั้น ผมยินดีที่มันเกิดขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถยืนอยู่จุดนี้ได้ เขาติดตามทุก ๆ ไฟท์ของผม แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้จักเขาหรอก เมื่อผมเป็นแชมป์ เป็นตำนาน เขาจะอยู่ในผับทำได้แค่คุยโวว่า ครั้งหนึ่งเคยชนะคนคนนี้”

แปดเดือนหลังการสัมภาษณ์นั้น Alex Pereira นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก ก็กลับมาชกMMAอีกครั้ง

ความสำเร็จของ Alex Pereira บนเวทีของ UFC

ในวันขึ้นชกMMA ทุกอย่างเป็นไปตามคาด คู่ต่อสู้ของเปเรย์ราแทบทุกคนพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะเทคดาวน์เขา แต่กลับไม่เป็นผล เขาป้องกันได้ดี สุดท้ายเมื่อคู่ต่อสู้ไม่สามารถที่จะเทคดาวน์นักสู้คิกบ็อกซิ่งได้ โอกาสที่จะยืนสู้กับ นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก แล้วชนะก็แทบจะเป็นศูนย์ ก่อนหมดยกแรกในหนึ่งนาที เปเรย์ราเหวี่ยงฮุกซ้ายน็อคคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ

หมัดซ้ายมือหินของเขาทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับหลับยาวถึงห้านาที ซึ่งไฟท์นั้นทำให้ UFC สนใจในตัวเขามาก ๆ หลังจากชนะน็อคในเวทีMMA เขายังกลับไปชกคิกบ็อกซิ่งอีกสองไฟท์ ในปี 2011 เขาได้ชิงแชมป์รุ่นไลท์เฮวีเวทและยังคว้าแชมป์ได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักชกคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์Gloryได้ถึงสองรุ่นพิกัด ในระยะเวลาเดียวกันก่อนที่เจ็ดเดือนต่อมาเขาจะเสียแชมป์นี้ไปกับไฟท์ป้องกันแชมป์

ซึ่งหลังจบไฟท์นั้นเขาได้กล่าวอำลาแฟน ๆ สละเข็มขัดรุ่นมิดเดิลเวต ที่ไม่เคยมีใครชิงจากเขาไปได้ และตัดสินใจเลิกชกคิกบ็อกซิ่ง เพื่อหันไปหาความท้าทายใหม่ในMMA และครั้งนี้เขาได้เซ็นสัญญาขึ้นชกในเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง UFC สองเดือนต่อมา ยอดนักสู้ชาวบราซิล เปิดตัวในไฟท์แรกของยูเอ็ฟซีได้อย่างน่าประทับใจ เขากระโดดเข่าลอยใส่คู่ต่อสู้ และตามไปปิดเกมได้สำเร็จ

ส่วนไฟท์สอง เขาเจอคู่ต่อสู้ที่ชกได้อย่างสูสี แต่ก็ยังดีที่เขาเฉือนชนะคะแนนไปได้ แต่ในไฟท์ที่สามถือว่าเป็นไฟท์ที่สำคัญที่สุด เขาได้มาเจอกับนักชกอันดับ 4 ของโลก ที่ฟอร์มที่ชนะมา 6 ไฟท์ติด ถ้าเขาเอาชนะไฟท์นี้ไปได้ โอกาสในการขึ้นชิงแชมป์คือ 100 เปอร์เซ็น เปเรย์ราพูดถึงคู่ต่อสู้คนนี้ไว้ว่า

“เขาชกมาแล้ว 25 ไฟท์อยู่อันดับ 4 ชองรุ่น และอันตรายมาก ๆ ตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าจะได้ขึ้นชกกับเขา จนถึงขึ้นชั่งน้ำหนัก ผมรู้สึกกลัว แต่ผมก็ยังควบคุมมันได้ แต่คุรรู้อะไรไหม ตอนที่เขาเข้ามาในกรง และจ้องมาที่ผม ผมรู้สึกกลัวทันที ผมคิดในใจ เขาต้องการที่จะสังหารผม แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันทำให้ผมตื่นตัวระวังมากขึ้น และชกอย่างชาญฉลาด”

เมื่อเสียงระฆังดัง คู่ชกของเขาก็เดินเข้าหาทันที แต่ อเล็กซ์ เปเรย์รา ลือกที่จะถอย ออกหมัดอย่างใจเย็น พร้อมเตะขา แยบไปที่หน้าอก และทันทีที่คู่ชกเผลอเขาก็ออกหมัดซ้ายเข้าเต็มกราม พร้อมกับตามด้วยหมัดขวาอีกสองหมัด น็อกนักสู้อันดับ 4 ของโลกได้ในยกแรก ทำให้เขาได้ชิงแชมป์MMA กับอดีตคู่ต่อสู้อย่าง อิซาราเอล อเดซันย่า

UFC: Israel Adesanya to defend middleweight title against Alex Pereira in UFC 281 headliner | Marca

การสู้กับอเดซันย่า ภาค 3 ยอดนักสู้ชาวบราซิล ไม่ได้สู้ด้วยฝีมือในตอนวันชกเท่านั้น แต่เขายังใช้จิตวิทยาเข้าสู้ ไม่ว่าอเดซันย่าจะทำอะไร เปเรย์ราจะหาทางล้อเลียน ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ เพราะโดยปกติอเดซันย่าชอบสู้แบบป้องกันแล้วรอสวน แต่ถ้าเขาสามารถทำให้อเดซันย่าหัวร้อน เดินสู้แบบไฟท์ภาค 2 ที่เคยแพ้ไปครั้งนั้น ช่องโหว่ที่จะทำให้เปเรย์รามีโอกาสที่จะฮุกซ้ายก็จะเพิ่มมากขึ้น

ณ วันแข่งขัน ท่ามกลางผู้คนสองหมื่นคนในสนาม Octagon เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น อเล็กซ์ เปเรย์รา ยืนตรงจ้องไปที่อเดซันย่า เมื่อกรรมการให้สัญญาณและการชกก็เริ่มขึ้น ในยกแรก ยอดนักสู้ชาวบราซิล เน้นชกดูเชิงและเน้นฟาดไปที่ขา ทั้งคู่ชกกันอย่างสูสี จนกระทั่งก่อนหมดยก 5 วินาที อเดซันย่าแยบซ้ายบังสายตาก่อนฮุกขวาเข้าเต็มคางของเปเรย์รา เขายืนเซไปชั่วขณะและยังโดนซุกซ้ายเขาอีกรอบ

โชคดีที่เสียงระฆังดังหมดยกเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน แต่ยกต่อ ๆ มาเปเรย์ราต้องกดดันมากขึ้นเพื่อหวังเอาคืน มีจังหวะเตะก้านคอ ออกหมัดชุด ส่วนอเดซันย่าก็มีจังหวะเทคดาวน์ และยังใช้ประสบการการต่อสู้แบบผสมผสานในการคุมเกมภาคพื้นได้ ผ่านไปสี่ยกกรรมการทั้งสามคนให้คะแนนเปเรย์ราแพ้ไปสามยก เหลืออีกหนึ่งยกเท่านั้น เขามีโอกาสที่จะชนะแค่น็อคให้ได้เท่านั้น

ยกที่ห้าเริ่มขึ้น เปเรย์ราจ้องไปที่อเดซันย่าพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง คำพูดนั้นเป็นคำกล่าวที่อเดซันย่าเคยพูดไว้ในไฟท์แรกที่เขาต้องเจอคู่ชกที่สูสี สู้กันจนถึงยกที่ห้า โดยไฟท์นั้นก็มีความคลายคลึงกันกับไฟท์นี้ ซึ่งมีใจความว่า “ฉันพร้อมที่จะตาย” ต่างกันที่เปเรย์ราเปลี่ยนมันเป็น “ฉันพร้อมที่จะสังหาร” เขาเอามันมาใช้กับอเดซันย่าแทน

เกมเริ่มขึ้นอเดซันย่าเตะขาเปเรย์รา แต่ถูกป้องกันได้ จนทำให้เขาเจ็บขาซะเองถึงขั้นต้องถอยหนี้ แต่เปเรย์ราก็ไล่ล่าตามกดดัน พร้อมเดินหน้าปล่อยหมัดชุด และถึงแม้อเดซันย่าจะหลบได้หลายหมัด แต่เขาขอแค่หมัดเดียวที่น็อกอเดซันย่าเท่านั้น เขาต่อยขวาหลอกไปสองทีก่อนฮุกซ้ายเข้าเต็มกรามและตามไปปิดเกม จนในที่สุดกรรมการก็เข้ามาหยุดท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนทั้งสนาม

อิสราเอล อเดซันย่า แพ้น็อคครั้งแรกในMMAให้กับคนที่เคยน็อคเขาในคิกบ็อกซิ่งอีกครั้ง อเล็กซ์ เปเรย์รา นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก ทำสำเร็จ

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจ : มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม => นักมวยที่สร้างแรงบันดาลใจ