นักมวยสายตาดี และสามารถทำผลงานได้โดดเด่นไม่ต่างจากนักมวยชื่อดังหลายๆคน
นักมวยสายตาดี สามารถ มีชื่อจริงว่า สามารถ ทิพย์ท่าไม้ เกิดช่วงวันที่ 5 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2505 ที่ตำบลคลองเขต (ตอนนี้อยู่ในตำบลท่าข้าม) อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุ 11 ขวบ โดยใช้ชื่อว่า “สามารถ ลูกคลองเขต”
โดยสามารถมีพี่ชายแท้ๆซึ่งเป็นอดีตนักมวยไทยมีชื่อเสียงด้วยคือ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ ก้องธรณีเคยชกมวยสากลเหมือนสามารถ ได้ได้โอกาสชิงแชมป์โลกถึง 2 ครั้ง แต่ว่าไม่ประสบผลสำเร็จ โดยครั้งที่ 2 ได้ชิงแชมป์กับแชมป์โลกคนไทยด้วยกันเองคือ เขาทราย แกแล็คซี่
มวยไทย
สามารถชกมวยไทยครั้งแรกที่จังหวัดชลบุรีเมื่อ 24 ธ.ค. พุทธศักราช 2517 ชนะคะแนนเพชรอรุณ ศิษย์นิมิต2 แล้วหลังจากนั้นเดินทางต่อยในแถบจังหวัดภาคทิศตะวันออกถึงร้อยกว่าครั้ง ก็เลยได้เดินทางมาต่อยในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในปี พุทธศักราช 2522 ที่เวทีเวทีลุมพินี โดยอยู่ในการดูแลของโปรโมเตอร์มีชื่อ ทรงชัย รัตนสุบรรณ นักมวยโลก
สามารถนับว่าเป็นนักมวยชั้นเชิงพราวแพรว สายตาดี ชกได้สนุก ชนะใจผู้ชม รวมทั้งบรรลุผลสำเร็จอย่างยิ่งสำหรับการชกมวยไทย โดยได้แชมป์ของสนามมวยเวทีลุมพินีถึง 4 รุ่นด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น รุ่นพินเวท (105 ปอนด์) ชนะคะแนนก้องสมุทร ชูวัฒนะเมื่อ 14 เดือนมีนาคม พุทธศักราช 2523 รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท (108 ปอนด์) ชนะคะแนนพูนลาภ ศักดิ์นิรันดร์ เมื่อ 11 พ.ย. พุทธศักราช 2523 รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท (115 ปอนด์) ชนะคะแนน สิงห์ทอง ประสพชัย เมื่อ 31 มี.ค. พุทธศักราช 2524 รวมทั้งรุ่นเฟเธอร์เวท (126 ปอนด์) ชนะคะแนน สมิงหนุ่ม สิทธิบุญธรรม เมื่อ 13 ต.ค. พุทธศักราช 25242
มวยสากลอาชีพ
สามารถ พยัคฆ์อรุณ เริ่มหันมาชกมวยสากลอาชีพโดยได้รับการช่วยสนับสนุนจากบุคคลหลายฝ่าย ดังเช่น ทรงชัย รัตนสุบรรณ ผู้จัดการและก็โปรโมเตอร์ สหสมภพ ศรีสมวงศ์ และก็สุชาติ เกิดเมฆ สามารถชกมวยสากลหนแรกเมื่อ 24 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2526 ชนะคะแนน เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ ต่อจากนั้น ต่อยชนะน็อคอีก 9 ครั้ง
โดยชนะนักมวยฝีมือดีหลายคนยกตัวอย่างเช่น ช่อ ห้าพลัง ทองเบิ้ม ลูกมาตุลี ต่อจากนั้นก็เลยได้ชิงแชมป์โลกหนแรกในรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท (122 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) กับมักมวยชาวเม็กซิกัน กัวดาลูเป ปินตอร์ ผลของการต่อย สามารถชนะน็อกแชมป์โลกไปได้ในยกที่ 5 กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 10 ของไทย ดูอนิเมะออนไลน์
ภายหลังจากได้แชมป์โลกแล้ว สามารถไปต่อยนอกรอบที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ 20 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2529 ชนะคะแนน ราฟาเอล กันดาริลญา แล้วหลังจากนั้นก็เลยต่อยป้องกันตำแหน่งอีกรอบ ป้องกันตำแหน่งกับ ฆวน คิด เมซา นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกรุ่นนี้ ผลที่ตามมา สามารถก็เอาชนะทีเคโอไปในยกที่ 12 การต่อยกับฆวน คิด เมซา ได้รับการเล่าขานถึงเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากสามารถพิงเชือกโยกหลบหมัดของผู้ท้าชิงด้วยสายตาอันว่องไวนับสิบๆหมัด (ราวกันว่า 20 หมัด) แล้วก็ต่อยสวนหมัดตรงเข้าปลายคางไปเพียงแค่หมัดเดียว ก็เอาชนะทีเคโอผู้ท้าแข่งไปได้อย่างน่าประทับใจ โดยการต่อยคราวนี้เป็นการต่อยร่วมรายการเดียวกับ สด จิตรลดา ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC กับกาบริเอล เบร์นัล ด้วย
ภายหลังได้แชมป์โลก สามารถเปลี่ยนเป็นนักมวยเจ้าสำราญ ฟิตซ้อมไม่เต็มที่รวมทั้งเริ่มมีปัญหาน้ำหนักตัว ท้ายที่สุดเมื่อสามารถเดินทางไปป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 เป็นการป้องกันตำแหน่งนอกบ้านถึงออสเตรเลีย กับนักมวยเจ้าถิ่น เจฟฟ์ เฟเนค (ซึ่งต่อมาเป็นนักมวยชื่อดังระดับโลก เป็นแชมป์โลก 3 รุ่น) การชกคราวนี้สามารถเจอปัญหาน้ำหนักตัวซึ่งจำเป็นต้องลดอย่างยิ่ง
ก็เลยถูกเฟเนคเดินหน้าบุกต่อยจนเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่ 4 อย่างหมดรูป กระนั้นยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า สามารถล้มมวยเพราะเหตุว่าไม่เชื่อว่าฟอร์มการชกก่อนหน้านั้น 2 ครั้ง จะทำให้สามารถแพ้อย่างง่ายดายแบบนี้ ที่สามารถได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วยพิธีสาบานที่วัดพระแก้วจนถึงเป็นข่าวครึกครื้นในช่วงนั้น รวมทั้งไปบวชอยู่ระยะหนึ่ง
หลังเสียแชมป์โลกแล้ว สามารถยังคงชกมวยสากลต่ออีก 2 ครั้งก็เลยกลับมาชกมวยไทย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยการชนะ นักมวยดัง ชั้นนำในยุคนั้นหลายท่าน ตัวอย่างเช่น เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ฯลฯ กระทั่งใน พุทธศักราช 2531 สามารถ พยัคฆีอรุณ
ได้รับรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา โดยต่อยชนะรวดในปีนั้น ชนะทั้งยังพนมทวนเล็ก ศ.สิรินันท์ สำราญศักดิ์ เมืองจังหวัดสุรินทร์ นำพล หนองกี่พาหุยุทธ เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง แต่ว่าถัดมาหลังต่อยแพ้วังจั่นน้อย ส.พลังชัยไปอย่างบอบช้ำ สามารถก็ประกาศเลิกชกมวยไทยไป
สามารถ พยัคฆ์อรุณ กลับมาชกมวยสากลอีกครั้งใน พุทธศักราช 2536 โดยมี ทรงชัย รัตนสุบรรณ เป็นผู้สนับสนุนอีกเช่นเคย สามารถต่อยอุ่นเครื่องชนะรวด 5 ครั้ง ก็เลยได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นเฟเธอร์เวท WBA กับ เอลอย โรฮัส นักมวยชาวเวเนซูเอลา ในปี พุทธศักราช 2537 ที่จังหวัดตรัง ผลของการต่อยเป็น สามารถแพ้ทีเคโอไปอย่างสิ้นสภาพในชูที่ 8 ปิดฉากชีวิตในแบบ นักมวยอาชีพ ในทันที
วงการบันเทิง
ด้วยความเป็นคนหนุ่มหน้าตาดี มีบุคลิกลักษณะที่เด่น ประกอบกับมีนิสัยเจ้าสำราญ ทำให้มีบุคคลชักชวนไปสู่แวดวงบันเทิง ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จไม่แพ้ในวงการมวยเลยทีเดียว สามารถส่งผลงานในแวดวงบันเทิงครั้งแรกโดยการออกเทปกับบริษัทแกรมมี่ ในชื่อชุด “ร็อกเหน่อๆ” มีเพลงดังที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นเป็นเพลง “อ่อนซ้อม”
โดยเป็นการล้อเลียนการซ้อมมวยของสามารถเอง ซึ่งมักถูกบอกว่าเป็นมวยซ้อมน้อย และก็ได้ออกอัลบั้มชุดต่อๆมาอีกหลายชุด ไม่เพียงเท่านั้น สามารถยังได้ถ่ายแบบ แสดงหนัง ละคร หลายต่อหลายเรื่อง สามารถกลายเป็นศิลปินมีชื่อเสียงชั้นแนวหน้าในช่วงเวลาไม่นาน รวมทั้งบรรลุผลสำเร็จในแวดวงบันเทิง
โดยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง “ขยี้” ร่วมกับลิขิต เอกมงคล ในปี พุทธศักราช 2534 เป็นครั้งแรกของไทยจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ที่มีนักแสดงนำชายที่ได้รับรางวัลนี้พร้อมกันถึง 2 คน ซึ่งในขณะที่ยังโด่งดังอยู่นั้น สามารถมีเรื่องราวว่าคบหาอยู่กับ กันตา ดานาว ดาราหนังสาวที่แสดงเรื่องขยี้อยู่ด้วยกัน
ในปี พุทธศักราช 2558 สามารถกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง โดยเป็นภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของตน ในเรื่อง มาดพยัคฆ์ ที่สามารถทำหน้าที่เล่าด้วยตนเอง โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จัดสร้างโดย นาวสตูดิโอ ใน เครือเนชั่น แล้วก็มีการนำมาตัดเป็นตอนๆจำนวน 5 ตอน ออกอากาศทาง ช่องนาว เมื่อวันที่ 15-22 เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2559
ปัจจุบัน
ปัจจุบัน สามารถยังอยู่ในวงการบันเทิง มีผลงานออกมาเป็นระยะ ๆ และในวงการมวยมีค่ายมวยเป็นของตัวเอง และบางครั้งเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเป็นเทรนเนอร์มวยไทยด้วย ปัจจุบันสามารถเปิดค่ายมวย “สามารถ พยัคฆ์อรุณ ยิม นักมวยหญิง
อยู่ที่ซอยสายไหม 31 กรุงเทพฯ และเขายังเป็นกรรมการฝ่ายต่างประเทศ สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬามวยไทยนายขนมต้มอีกด้วย สามารถ พยัคฆ์อรุณ มีบุตรธิดากับภรรยาเก่า 3 คน
เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน บุตรคนที่ 2 คือ กวิน ทิพย์ท่าไม้ และลูกสาวคนเล็ก อาศัยอยู่กับมารดาที่สหรัฐอเมริกา ส่วนบุตรคนโตช่วยงานเป็นครูสอนมวยไทยอยู่ที่สามารถพยัคฆ์อรุณยิม และหย่ากับวลัยทิพย์ ภพธีรธรรม(หญิง)แล้ว
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.ultimateufa.com/
