โลแกน พอล ยูทูบเบอร์ชื่อดังคู่ชก ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์
ทำไม ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ต้องมาชกกับยูทูบเบอร์อย่าง โลแกน พอล เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ใครหลายคนตั้งคำถาม และเมื่อถ้าหากลองไล่ชื่อนักชก แชมเปียนส์โลก ชื่อดังหลายคนอย่าง แมนนี่ ปาเกียว, โรแบร์โต ดูรัน, ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย
นักมวยชื่อดัง ส่วนใหญ่ก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ด้วยเพราะการเป็นนักมวยนั้น ยิ่งถ้าหากฝีมือดีถึงขนาดเป็นแชมป์โลกได้ ย่อมสามารถทำเงินได้มากพอ ที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวไปได้ตลอดชีวิต ทว่าใครจะไปเชื่อว่าบนโลกใบนี้ จะมีการชกมวยที่ไม่ได้มีความเป็นแชมเปียนส์โลกเป็นเดิมพัน แต่กลับทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ชนิดที่ว่าใช้ชาตินี้ก็ไม่หมด
หากเป็นเมื่อก่อนไม่มีทางเลยที่ คู่นี้จะถือขึ้นชกกันได้ เพราะคงไม่มีใครยอมให้ นักชกที่ต่างระดับกันมากขนาดนี้ ขึ้นมาเป็นคู่ต่อกับ แชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ ได้ และหากมีการจัดแมตช์แบบนี้ ไปก็คงโดนต่อต้านอย่างแน่นอน
แต่ในเมื่อยุคสมัยปัจจุบัน ได้เปลี่ยนไปแล้วใน วงการมวยสากลโลก แชมป์โลกหลายคนไม่สามารถสร้างแมตช์ ที่สามารถขายไฟต์แบบได้เงินมหาศาล เหมือนดังเช่นสมัยก่อนอีกต่อไป มวยรุ่นใหญ่อย่าง รุ่นเฮฟวี่เวต ก็เริ่มไม่ใช่มวยแม่เหล็กแบบที่คนยุคอดีตคุ้นเคยแล้ว เช่นที่เวลานึกถึงสุดยอดคู่มวย ต้องเป็นมวยรุ่นใหญ่อย่างเฮฟวี่เวต ที่เจอกันเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า มวยรุ่นกลางและขนาดเล็ก สามารถสร้างมูลค่า และทำเงินได้มากกว่า เมื่อความต้องการของผู้ชมเปลี่ยนไป คู่มวยแปลกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ขายได้สำหรับโปรโมเตอร์
ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อาจเคยมีประสบการณ์ในการเจอกับนักสู้ต่างสาย อย่างเช่น เทนชิน นาสึกาวะ แชมป์คิกบอกซิ่งชื่อดังชาวญี่ปุ่น และ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ อดีตแชมป์โลก MMA ชาวไอริช แม้ผลการชกจะจบลงด้วยการชนะน็อกของ ฟลอยด์ แต่สิ่งที่พอยอมรับได้จากแฟนมวย ก็คือ ทั้งสอง ต่างเป็นนักสู้อาชีพ ที่เก่งในสายของตัวเอง และเป็นแชมป์โลกมาทั้งนั้น
ดังนั้นการนำคนเก่งจากศิลปะการต่อสู้ต่างแขนงมาดวลกัน ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ และสร้างมูลค่ามากพอ เหมือนดั่งในอดีตที่ มูฮัมหมัด อาลี แชมป์โลกตลอดกาล เคยดวลกับ อันโตนิโอ อิโนกิ นักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่นชื่อดัง มาแล้ว แต่กรณีของพอล นั้น แตกต่างกันออกไปอย่างมาก ประการแรกโลแกน ไม่ใช่นักมวยอาชีพ จึงไม่ควรขึ้นเวทีมาเจอกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อยู่แล้ว
จุดเริ่มต้นของ เกรียนยูทูบเบอร์ ก่อนเข้าสู่วงการมวยสากล
โลแกน พอล เป็นยูทูบเบอร์หนุ่มวัย อายุ 25 ปี จาก เมืองเวสต์เลค รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เขาเริ่มเส้นทางจากการเปิดช่องยูทูบ ที่ชื่อว่า Zoosh (ซูสห์) ตั้งแต่เขาอายุแค่ 10 ขวบในช่วงยุคสมัยที่โลกยังไม่ได้มีอาชีพที่เรียกว่า “ยูทูบเบอร์” อย่างจริงจัง ก่อนที่จะดังเป็นพลุแตกจากการทำช่องที่ 2 ของตัวเองโดยตั้งชื่อแชแนลตามชื่อจริงในปี 2015 ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามมากกว่า 22 ล้านคน และมียอดเข้าชมมากกว่า 5.7 พันล้านครั้ง แต่ใช่ว่าเขาจะมาแบบปุบปับแล้วดังเลย เพราะก่อนหน้านั้นเขาสร้างชื่อมาจากการทำคลิปวิดีโอแบบสั้น ๆ แนวตลกขบขันในแอปพลิเคชัน Vine(ไวน์) ที่มียอดผู้ติดตาม 18 ล้านคน ก่อนจะกระโจนเข้าสู่วงการยูทูบเบอร์
หลัก ๆ แล้ว โลแกน และ เจค ผู้เป็นน้องชาย จะขายเรื่องความฮา และทำมันออกมาได้ดี ซึ่งสิ่งตามมาจากยอดวิวนั่นคือ รายได้ในช่วง 4-5 ปีที่ช่องของ โลแกน ทำเงินได้ราวปีละ 17 ล้านเหรียญ หรือราวๆ ปีละ 500 ล้านบาทเลยทีเดียว
แต่เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด ใคร ๆ ก็อยากมารอซ้ำตอนที่เขาพลาด เนื่องจากนับวันคอนเทนต์ของเขาเริ่มออกแนวคลิกเบต หลอกเข้ามาดู เล่นตลกเกินงาม เหยียดคนเอเชีย หรือการอวดร่ำอวดรวย และในที่สุดวาระสุดท้ายของเขาก็มาถึง จากคลิปที่เข้าไปถ่ายทำในป่า อาโอกิกาฮาระ บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยม ที่คนญี่ปุ่นมักไปปลิดชีพตัวเองกัน และในคลิปนั้น โลแกน และคณะ ได้ไปพบกับศพของชายคนหนึ่งในป่า แต่พวกเขากลับทำเป็นเรื่องตลก และหยอกล้อกับศพนั้นราวกับเป็นของเล่น
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ทาง YouTube ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเขาทั้งหมด จนต้องสูญเสียรายได้ไปจำนวนมาก ต่อมาเขาได้ออกมาขอโทษ และลบคลิปวิดีโอนั้นทิ้งก่อนที่เขาจะหายไปจากหน้าสื่อไปช่วงหนึ่ง
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ใช้โอกาสความหมั่นไส้มาเป็นตัวทำเงิน
เมื่อมีคนเกลียดมาก ใครก็อยากเห็น โลแกน เจ๊งมาก เขาจึงตัดสินใจประกาศเข้าสู่วงการมวย ใครอยากเห็นเขาโดนต่อยหน้าสั่น หรือลงไปนอนกองกับพื้นเขาก็จัดให้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องจ่ายเงินแบบ “เพย์ เพอร์ วิว” เพื่อมาดูเขาเจ็บตัว โดยเจ้าตัวมี แชนนอน บริกส์ อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวท องค์กรมวยโลก(ดับเบิลยูบีโอ) เป็นเทรนเนอร์ให้แบบส่วนตัว
ไฟต์แรกของเขา เกิดจากการได้รับคำท้าของ ยูทูบเบอร์ชาวอังกฤษเชื้อสายไนจีเรียนาม “KSI” ที่เพิ่งจะชกชนะยูทูบเบอร์เพื่อนร่วมชาติอย่าง โจ เวลเลอร์ ก่อนที่ เคเอสไอ จะส่งสารไปยัง โลแกน พอล ว่าเขาจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกเก็บ และแน่นอน โลแกน ตอบตกลงที่จะชกด้วยอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมกับวางเงินเดิมพันอีก 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) แต่กว่าจะถึงวันขึ้นชก
ทั้งคู่ก็ต่างเปิดสงครามน้ำลายใส่กัน เพื่อเรียกกระแส ให้เข้ามาชม โดยการชกของทั้งคู่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2018 ที่ แมนเชสเตอร์อารีนา จุผู้ชมได้ 21,000 คน ตั๋วเปิดขายใบละประมาณ 5,500 บาท ยังไม่รวมถึงตั๋ววีไอพี ที่มีราคาถึง 20,000 บาท แต่ก็ถูกทาสการตลาดกว้านซื้อไปจนหมด
นับเฉพาะแค่ค่าตั๋ว ก็สร้างรายได้ไปแล้วกว่า 115 ล้านบาท แล้ว นอกจากนี้ยังมีถ่ายทอดสดให้แฟนคลับทั่วโลกจ่ายเงินเข้าชมผ่านยูทูบแบบ “เพย์ เพอร์ วิว”
ราคาประมาณ 300 บาทปรากฏว่ามียอดคนดูออนไลน์มากถึง 780,000 คน ทำรายได้อีก 234 ล้านบาท รวม ๆ แล้วมวยไฟต์นี้ไฟต์เดียวก็ฟาดเงินไป 350 ล้านบาท เลยทีเดียว
ไฟต์ดังกล่าวจบลง ที่ทั้งคู่เสมอกันในกติกา 6 ยกนั่นทำให้เกิดความสงสัยว่าทั้งสองคนนี้ชกกันเพื่อทำเงินอย่างเดียวจริงหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามผลเสมอดังกล่าวทำให้เกิดการรีแมตช์ขึ้นอีกครั้งในปีต่อมาที่ สตาเปิ้ล เซนเตอร์ สหรัฐอเมริกา ในกติกา 6 ยกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เป็นฝ่าย เคเอสไอ เอาชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
กระนั้นเองค่าตัวของทั้งคู่ที่ได้แบบไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็ฟันเงินไปอีกประมาณคนละ 9 แสนเหรียญหรือประมาณ 27 ล้านบาท แต่ทั้งหมดเป็นแค่จุดเริ่มต้นของ โลแกน เพราะหลังจากนั้นเขากับ เจค น้องชายก็ก่อสงครามน้ำลายอยากขึ้นชกกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
และหนึ่งในผู้ที่ถูกท้าก็คือโคตรนักมวยระดับโลกนาม ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก่อนที่จะไปเตะตาโปรโมเตอร์มวยที่ไม่ประสงค์ออกนามท่านหนึ่งที่สนใจจัดมวยคู่นี้ขึ้น จนนำไปสู่ไฟต์นี้ในที่สุด ขณะเดียวกัน เจค น้องชายของ โลแกน ก็จะได้ขึ้นชกกับ เบน แอส์คเรน นักสู้ เอ็มเอ็มเอ ชาวอเมริกัน
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : ดูบอล123 แทงบอลยูโร
อ่านเพิ่มเติม => สนามมวยราชดำเนิน