เจอร์วอนตา เดวิส เด็กจากบ้านรับอุปการะด้อยโอกาสที่ก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์ หน้าตาแห่งวงการมวย 

หลังจบศึกมวยซูเปอร์สตาร์ ไร้พ่ายชนไร้พ่าย ไอ้รถถัง (Tank) เจอร์วอนตา เดวิส ชนะน็อค ไรอัน การ์เซีย ไปในยกที่ 7 ทำให้เขายึดสถิติชนะรวดมา 29 ไฟต์ โดยเป็นการชนะน็อคถึง 27 ไฟต์ เขาก็กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น เจ้าชายแห่งวงการมวยโลกคนใหม่ ของ วงการมวยสากล 

หากจะให้เล่าถึงประวัติย่อของ ไอ้รถถัง โดยสรุปภายในย่อหน้าเดียวก็คือ เขาเป็นนักมวยเยาวชน สร้างชื่อจากการคว้าเหรียญทองในรายการ นวมทองคำ หรือ National Golden Gloves 2012 ในรุ่นแบนตัมเวต ก่อนที่เขาจะขยับขึ้นมาชกมวยอาชีพในพิกัดซูเปอร์เฟเธอร์เวต ไลต์เวต และไลต์เวลเทอร์เวต ตามลำดับ โดยเขาเก็บสถิติไร้พ่ายเรื่อยมา และได้กลายเป็น นักมวยที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน

แต่กว่าที่ เดวิส จะนิยามตัวเองว่าเป็น หน้าตาแห่งวงการมวย แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เส้นทางอาชีพของเขาก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครคิด และยังมีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย กว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้เช่นกัน นักชกเซาท์พาววัย 28 ปี เคยกล่าวไว้ว่า มวยช่วยชีวิตเขาไว้

ชีวิตในวัยเด็กของ ไอรถถัง เริ่มต้นในย่านเวสต์บัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมและยาเสพติด รวมไปถึงคนเร่ร่อนมากมาย คุก หรือ ความตาย เหมือนจะเป็นทางเลือกเพียงแค่ 2 สายสำหรับคนในย่านนี้

ไอรถถังเติบโตขึ้นมาภายใต้สังคมแบบนั้น โดยเขาเติบโตใต้ชายคาของบ้านรับอุปการะเด็กด้อยโอกาส และดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะต้องดำเนินตามเส้นทางของคนส่วนมากในย่านนี้ ที่ต้องเลือกระหว่างคุกหรือความตาย ถ้าไม่บังเอิญโชคดี ไปได้รู้จักกับ กวาดีร์ เกอร์ลีย์ หนึ่งในเพื่อนของเขาที่ชักนำเจ้ารถถังที่ตอนนั้นวัยเพียงแค่ 7 ปี เข้าไปสู่โรงยิม Upton Boxing Center

ซึ่งยิมแห่งนั้นได้กลายเป็นสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล ด้วยความที่เขามีศีรษะขนาดใหญ่แม้จะอายุไม่มาก ทำให้โค้ชในโรงยิมเรียกเขาด้วยชื่อเล่นว่า ‘Tank’ หรือ ‘เจ้ารถถัง’ ตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นไม่นานเกอร์ลีย์ก็ได้แนะนำให้เดวิสรู้จักกับ คาลวิน ฟอร์ด พ่อของเขา ซึ่งในตอนนั้นฟอร์ดเองก็ไม่รู้ว่าตนจะกลายมาเป็นโค้ชให้ยอดนักมวยรายนี้ยาวนานตั้งแต่ปี 2006-2015

เจอร์วอนตา เดวิส เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ คว้าเหรียญทอง ในรายการ ‘นวมทองคำ’ ปี 2012 

คาลวิน ฟอร์ด ผู้เป็นโค้ชพาเดวิสเดบิวต์ด้วยการคว้าแชมป์ศึกนวมเงิน 3 สมัย ระหว่างปี 2006-2008, คว้าเหรียญทอง โอลิมปิกเยาวชนแห่งชาติ, สมาคมกีฬาตำรวจแห่งชาติ และริงไซด์ เวิลด์ แชมเปียนชิป อย่างละ 2 สมัย จนกระทั่งความสำเร็จสำคัญอย่างการคว้าเหรียญทองในรุ่นแบนตัมเวตในรายการ ‘นวมทองคำ’ ปี 2012 ก็ชักพาเขาเข้าสู่วงการมวยอย่างเต็มตัว

แต่ชีวิตของเดวิสก็ไม่ได้มีแต่เรื่องดี ๆ เพราะอย่างที่เล่าไปแล้วว่าในเวสต์บัลติมอร์ ปลายทางของคนที่โตมาในย่านนี้ส่วนมาก ไม่จบที่คุก ก็จบด้วยความตาย โดยในปี 2013 กวาดีร์ เกอร์ลีย์ เพื่อสนิทของเขาเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน

เท่านั้นยังไม่พอ ก่อนการจากไปของเกอร์ลีย์ 2 ปี เดวิสต้องมาสูญเสียเพื่อนผู้มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาอย่าง โรนัลด์ กิบส์ ซึ่งเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นที่จากไปในวัย 17 ปี จากการโดนแทงขณะพยายามปกป้องน้องสาวของเขา ส่วนปีต่อมา ซึ่งเป็น 1 ปีก่อนการจากไปของเกอร์ลีย์ เขาก็เสีย แองเจโล วอร์ด เพื่อนนักมวยอีกคนจากการโดนยิง

ความสูญเสียทั้งหมดสร้างความสะเทือนใจให้เดวิสเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เหมือนการส่งต่อความฝันให้เดวิสก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนักมวยแทนเพื่อน ๆ ที่จากไป

“ก่อนมาอยู่กับโค้ชฟอร์ด ผมไม่มีพ่อ เพราะพ่อของผมเข้า-ออกจากคุกบ่อย ๆ ดังนั้น แองเจโล วอร์ด, โรนัลด์ กิบส์ และลูกชายของโค้ชฟอร์ด พวกเขาคือผู้ที่เสียชีวิตที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตของผม” เดวิสกล่าว

ส่วนอีกหลายคนที่เขารู้จัก บางคนก็ตายไปแล้วหรือไม่ก็ติดคุก เมื่อใดที่เดวิสขึ้นชก เขาจะรู้สึกเหมือนว่า เจตจำนงของพวกเขา กำลังเข้าสู่สังเวียนมาพร้อมกับเขา และมันได้กลายเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับเดวิส ซึ่งเขาก็รับมันเอาไว้

เดวิสมีความคิดที่ว่า แม้จะมีเรื่องแย่ ๆ มากมายเกิดขึ้นในบัลติมอร์ แต่ถ้าทุกคนในสังคมนั้นเห็นว่าคนคนหนึ่งทำได้ คนต่อไปก็ทำได้ และมันจะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาจะทำได้คือ นำแสงสว่างมาสู่บัลติมอร์ และเป็นกลาย นักมวยที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน

เพราะมวยช่วยชีวิตเอาไว้ ก้าวสู่วงการมวยอาชีพอย่างเฉิดฉาย นำแสงสว่างมาสู่บัลติมอร์ 

เจอร์วอนตา เดวิส ก้าวสู่เส้นทางมวยอาชีพ หลังจากคว้าแชมป์นวมทองคำปี 2012 เขาเปิดตัวอย่างราบรื่นด้วยการเอาชนะน็อก เดซี วิลเลียมส์ ในยกแรก หลังเวลาผ่านไปเพียง 89 วินาที ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2013

หลังนับ 1 ด้วยการชนะน็อกเอาต์ อีก 7 ไฟต์นับจากนั้นจบลงด้วยการชนะน็อกเอาต์ทั้งหมด ก่อนสถิติชนะน็อกของเขาจะมาหยุดในไฟต์ที่ 9 ด้วยการเจอกับ เจอร์มาน เมอราซ ในวันที่ 8 ตุลาคม 2014 แต่ไม่ได้หมายความว่าชัยชนะของเขาจะหยุดลงไปด้วย โดยเจ้ารถถังยังเอาชนะไปได้หลังผ่าน 6 ยก ด้วยมติเอกฉันท์

ซึ่งในตลอดอาชีพของเดวิส มีเพียงแค่ไฟต์นี้ กับไฟต์ที่พบกับ ไอแซค ครูซ ในปี 2021 เท่านั้น ที่ไม่จบลงด้วยชัยชนะแบบน็อกเอาต์ หลังจากนั้นในปี 2015 เขาขึ้นสังเวยอีกทั้งหมด 5 ไฟต์ เป็นการชนะน็อกได้ทั้งหมด และหนึ่งในนั้นคือแมตช์สำคัญที่สุดแมตช์หนึ่งในอาชีพของเขาก็เกิดขึ้น หลังเขาได้โอกาสไปขึ้นชกกับ เร็คกี ดูเลย์ ที่เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา วันที่ 12 กันยายน 2015

ไฟต์เปลี่ยนชีวิตของเดวิสไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะเป็นการชนะน็อกในยกแรก และยัดเยียดความพ่ายแพ้ไฟต์แรกให้คู่แข่งแล้ว คนที่มานั่งดูเขาในวันนั้นยังมี เอเดรียน โบรเนอร์ อดีตแชมป์โลก 3 สถาบัน 4 พิกัดน้ำหนัก ได้เอาเรื่องของนักมวยอนาคตไกลคนนี้ไปเล่าต่อให้ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ฟัง และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นการกลายมาเป็น ‘เด็กฟลอยด์’

ฟลอยด์ได้พบกับเดวิสครั้งแรก ได้เห็นเขาออกกำลังกาย ก็เห็นแววในตัวเขาทันที เพราะเดวิสเป็นนักสู้ที่ระเบิดพลัง เชิงมวยมีแววเป็นแชมป์โลกในอนาคต ขณะที่เดวิสกล่าวถึงโมเมนต์แรกที่เจอกับฟลอยด์ว่า มีความรู้มากมายที่ฟลอยด์ส่งต่อให้เขา ฟลอยด์แสดงให้เดวิสเห็นถึงสิ่งที่ถูกต้องทั้งในและนอกวงการมวย โดยเขากำลังพยายามทำสิ่งนั้นเพื่อให้นักชกรุ่นใหม่มองมาที่เดวิสเช่นกัน

เจอร์วอนตา เดวิส

เซ็นสัญญากับสังกัด TMT กลายมาเป็น ‘เด็กฟลอยด์’ และเจริญรอยตามเมนเทอร์

เดวิสเซ็นสัญญากับ TMT ช่วงปลายปี 2015 และถูกผลักดันสู่การขึ้นชกเพื่อเป็นแชมป์โลก หน้าตาแห่งวงการมวย นักมวยที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน อย่างแท้จริง  และในวันที่ 14 มกราคม 2017 เดวิสก็คว้าแชมป์โลกเส้นแรก หลังเอาชนะ TKO โจเซ เปดราซา แชมป์โลกของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ชาวเปอร์โตริกัน ในยกที่ 7 ณ สังเวียนบาร์เคลย์ส เซ็นเตอร์ในมหานครนิวยอร์ก

หลังจากนั้นในปี 2017 เขาก็คว้าเข็มขัดเส้นที่ 2 จากการเอาชนะ TKO เหนือ เฮซุส คูเอลลาร์ นักชกชาวอาร์เจนไตน์ ในยกที่ 2 ในการชกวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2017 คว้าแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวตมาครองได้ในที่สุด

ในปี 2019 เขาก็เพิ่มความท้าทายให้ตัวเองด้วยการขยับรุ่นขึ้นมา ชิงแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นไลต์เวต และชนะน็อก ยูริออร์คิส แกมเบา นักชกจากคิวบา ในยกที่ 11 ณ สังเวียนสเตทฟาร์มอารีนา เมืองแอตแลนตา

และในช่วงกลางปี 2021 เดวิสได้ขยับขึ้นไปชกในรุ่นซูเปอร์ไลต์เวต เพื่อชิงแชมป์โลก WBA กับ มาริโอ บาร์ริออส นักชกชาวอเมริกัน และเอาชนะ TKO ได้ในยกที่ 11 แต่หลังจากนั้นเขาก็ลงมาชกในรุ่นไลต์เวตเหมือนเดิม นักมวยที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน

เจอร์วอนตา เดวิส

ขึ้นเป็น หน้าตาแห่งวงการมวย ได้รับฉายาใหม่ ‘The One’ และ ‘Dangerous’

แม้ปัจจุบัน เจอร์วอนตา เดวิส จะออกจาก TMT ของฟลอยด์ไปแล้ว แต่การทำงานร่วมกับทีมของ ยอดนักชกไร้พ่าย รายนี้ส่งผลให้เขากลายเป็น นักมวยที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน เป็น หน้าตาแห่งวงการมวย แบบที่ควรจะเป็น เขาได้ฉายาใหม่ว่า ‘หนึ่งเดียว’ หรือ ‘The One’ และ ‘ตัวอันตราย’ หรือ ‘Dangerous’

โดยเดวิสให้เหตุผลในการออกมาจาก TMT ในช่วงเดือนมกราคมปี 2023 ว่า เมย์เวทเธอร์ โปรโมชัน ทำงานกับเขาอย่างยอดเยี่ยม แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเดินหน้าและสร้างตัวเองให้เป็นนักธุรกิจ นักสู้ และคนที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

“การก้าวออกมา มันจะช่วยให้ผมเติบโต เพราะไม่มีใครจูงมือผมไปได้ตลอด แต่จริง ๆ แล้วผมต่างหากที่ต้องสวมกางเกงและเสื้อเชิ้ตให้กับทีมของผม แล้วกลายเป็นนักธุรกิจด้วยตัวเอง”

เส้นทางต่อไปของ เจอร์วอนตา เดวิส หลังจากนี้คือการยืนหยัดด้วยตัวเอง และเติบโตขึ้นเป็นนักมวยที่ยิ่งใหญ่ และเป็น หน้าตาแห่งวงการมวย แบบที่เขาคาดหวัง ซึ่งเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเราก็ต้องรอติดตามชมต่อไป

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจ : ดูบอล

อ่านบทความเพิ่มเติม => นักมวยคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก