ศิลปะการต่อสู้ MMA คือกีฬาชนิดหนึ่งที่เคยมีมาตั้งแต่โบราณแล้ว
ศิลปะการต่อสู้ MMA ย่อมาจากคำว่า Mix Martial Art มีความหมายในภาษาไทยว่า เป็นศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ซึ่งหมายความว่าเป็นการ รวมเอาศิลปะการต่อสู้จากหลาย ๆ แขนงมาใช้ เพื่อต่อสู้กับคู่ต่อสู้ โดยที่ไม่จำเป็น จะต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ แขนงใดแขนงหนึ่งก็ได้
สำหรับ ความเป็นมาของMMA จากหลักฐานทางประวัติศาตร์ ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแบบผสมผสานนั้น ได้เริ่มมีการนำมาใช้ในการแข่งขันเป็นครั้งแรก ที่ประเทศกรีก เมื่อประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช
เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ นักรบ ในสมัยโบราณ ที่ต้องใช้ต่อสู้กัน เรียกว่า แพนแครชั่นกรีก (Greek Pankration) เป็นกีฬาต่อสู้ ที่สามารถทำทุกอย่างได้หมด ยกเว้นกัดและจิ้มตา ซึ่งนักกีฬาสามารถใช้ศิลปะการต่อสุ้ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะ มวยปล้ำ หักแขน หักขา หรือแม้แต่รัดคอบีบคอ และผลจากการแข่งขันนั้นยังสามารถทำให้ผู้แข่งขันได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่สาหัสไปจนถึงตายได้ โดยถ้าหากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ก็จะทำให้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงแก่ชีวิต
ซึ่งก่อนการแข่งขัน นักกีฬาจะได้รับการฝึกสอน จากอดีตผู้ที่เป็นนักกีฬาแพนแครชั่น โดยทำการโฟกัสไปที่เทคนิคการต่อสู้ ความเร็ว ความแข็งแกร่งของร่างกาย และต้องเป็นการต่อสู้โดยมือเปล่า
หลังจากที่นักกีฬาชนะการแข่งขัน ผู้นั้นจะได้รับเกียรติสูงสุด นอกจากนั้นแล้วยังได้รับการเข้ารับเป็นทหารของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชอีกด้วย สำหรับผู้ที่ชนะการแข่งขันแพนแครชั่นในยุคนั้น
ส่วนในปัจจุบันนี้กีฬามวยแบบ Mix Martial Art ก็ยังคงมีให้เราเห็น อย่างมวยรายการที่โด่งดังมาก ๆ อย่าง One Championship หรือ UFC – Ultimate Fighting Championship
MMA ในสังเวียนกรงแปดเหลี่ยมคืออะไร ประวัติความเป็นมา?
ต้องพูดถึงรายการ UFC ในปี 1993 ในตอนนั้น การแข่งขันการต่อสู้ของรายการ UFC ในยุคแรก ยังไม่ได้มีการต่อสู้แบบ MMA อย่างเต็มตัวเหมือนที่เราเห็นในทุกวันนี้ เพราะว่ารายการนั้นเป็นเพียงการนำเอา นักมวยจากศิลปะการต่อสู้แขนงต่าง ๆ มาแข่งขันกัน เพื่อหาสุดยอดของศาสตร์การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความเป็นที่สุดของศิลปะการต่อสู้ เช่น คาราเต้ ซาวาท กังฟู ซูโม่ ยูยิสสู และ มวยสากล ซึ่งครั้งนั้น ผู้ที่ได้รับชัยชนะคือ Ryce Gracie กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์
แต่เหตุการณ์นั้นเหล่านั้นมันก็แค่จบไป เพราะสุดท้ายคำพูดที่บอกว่า บราซิลเลี่ยนยูยิสสู คือ ศิลปะการต่อสู้มือเปล่าที่ดีที่สุดในโลก นั้นยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปอยู่ดี เพราะนักสู้ศิลปะการต่อสู้ ในแขนงอื่น ๆ ก็ยังคงเชื่อมั่นและยกย่องในศิลปะการต่อสู้ของตัวเองอยู่ อย่างเหนียวแน่น นั่นก็เลยทำให้กลายเป็นว่า ไม่มีคำตอบใน คำถามนั้นว่า การต่อสู้แบบไหนดีที่สุด
จนสุดท้าย คำตอบเดียวที่ดูเป็นกลาง และถูกต้อง เป็นที่ยอมรับมากที่สุดก็คือ การผสมสานทุกวิชามาใช้ต่อสู้นั่นเอง ซึ่งก็คือ Mix Martial Art หรือ MMA
กลายเป็นว่านักสู้ในกรงแปดเหลี่ยม ไม่จำเป็นต้องสนใจเลยว่า ลีลาที่ตัวเองใช้นั้น มาจากศิลปะแขนงไหน เพียงแค่ใช้มันบนสังเวียน เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ เขาสามารถใช้ได้หมด เพราะ MMA ไม่ใช่การต่อสู้ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบเดียวเท่านั้น แต่ผสมหลาย ๆ แบ ซึ่ง นักสู้ MMA ที่ดี จะต้องรู้จัก ข้อดี ข้อเสีย ของศิลปะการต่อสู้นั้น ๆ แล้วนำเอาวิชาจากแขนงต่าง ๆ มาปรับใช้
ถ้าหากนักสู้คนไหนสามารถที่จะนำเอาวิชาต่าง ๆ ที่ถนัดใช้มาต่อสู้ อย่างลงตัวแล้วสามารถครองแชมป์ได้หลายครั้ง ก็จะเป็นการพิสูจน์ในตัวของมันว่า วิชาการต่อสู้นั้นแหละคือวิชาการต่อสู้ที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรตายตัว เพราะว่า รายการ MMA ที่ไม่ใช่ UFC ก็ยังมีจัดทั่วโลก อาจเป็นรายการเล็กและใหญ่ว่ากันไป ซึ่งแต่ละเวทีก็จะมีกฎเกณฑ์แตกต่างกันไปอีก
สำหรับการต่อสู้แบบผสมผสาน นับว่าเป็นประโยชน์ในด้านอื่นนอกจากกีฬาด้วย เพราะว่าสามารถนำไปใช้ได้จริง ป้องกันตัวได้ เป็นวิชาการต่อสู้ที่นับไปใช้ได้จริง ๆ อย่าง พนักงานรักษาความปลอดภัย ทหาร ตำรวจ และบอดี้การ์ด ซึ่งทุกคนวามารถเลือกได้ว่าจะผสมศิลปะการต่อสู้แขนงไหน เข้ากับแบบไหนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
ท่ามวย MMA และท่าไม้ตายที่อันตรายและถูกใช้มากที่สุดในกีฬา MMA
Armbar นันบว่าเป็น ท่าไม้ตายที่ถูกใช้มากที่สุดใน MMA เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ยอมแพ้ เพราะหัวใจของท่าอาร์มบาร์ คือการจู่โจมจุดอ่อนของท่อนแขนคู่ต่อสู้ ซึ่งจะทำการงอข้อศอกของคู่ต่อสู้นั้นเอง เพราะว่าข้อศอกและข้อต่อของส่วนต่าง ๆ ถูกกำหนดมาให้เคลื่อนไว้ได้ในทิศทางเดียวเท่านั้น หรือเมื่อไหร่ที่มันถูกดันย้อนกลับไป ก็จะทำให้หักได้
ท่านี้สามารถทำได้ทั้งในกลางอากาศ ที่เรียกว่า ฟลายอิ้งอาร์มบาร์ (Flying Armbar) ถือเป็นท่าที่สวยงามที่สุดท่าหนึ่ง และอีกท่าคือนอนกับพื้น อาร์มบาร์มักจะถูกใช้ในวิชาต่าง ๆ เช่น ยูโด ยูยิสสู มวยหล้ำ และแพนแครชั่น
ท่ามวย MMA พื้นฐานของศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมผสาน มีอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน
การออกอาวุธในส่วนของมือและขา การชก การต่อย การศอก การเข่า ท่าเตะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า (Striking) ทักษะเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานการต่อสู้ของศิลปะการต่อสู้เกือบทุกชนิด และทักษะนี้จะทำให้คู่ต่อสู้นั้นเกิดอาการบาดเจ็บอย่างหนักได้ถ้าใช้ทักษะนี้อย่างถูกวิธี
การจับคู่ต่อสู้ให้ล้มลงสู่พื้น เทคนิคนี้จะเป็นการต่อสู้ของศิลปะการป้องกันตัว ที่เรียกกันว่ามวยปล้ำ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่แล้วจะเรียกว่าทุ่ม ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า (Takedowns) ทักษะนี้ ไม่จำเป็นจะต้องอาศัยมือเพียงอย่างเดียว บางการต่อสู้อาจจะใช้ขา ในการจับทุ่ม หรือใช้ลำตัวในการช่วยทุ่มก็ได้ แล้วแต่ทักษะความชำนาญของวิธีที่เรียนมา ทักษะนี้ จะส่งผลได้เปรียบ เป็นอย่างมาก ถ้าสามารถจับ คู่ต่อสู้ทุ่ม หรือล้มลงได้ การทุ่มเพียงครั้งเดียว อาจจะส่งผลถึงการแพ้ชนะเลยก็เป็นได้ การต่อสู้ในท่านอน
การต่อสู้ในท่านอนจะเกิดขึ้นเมื่อเราเสียหลักให้กับคู่ต่อสู้เมื่อเราโดนจับทุ่ม การต่อสู้ในท่านอนเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า (Ground Fighting) แต่นักสู้บางคนก็ชอบการต่อสู้ท่านอนเป็นพิเศษบางครั้งอาจจะหลอกคู่ต่อสู้ก็ได้ว่าตนเองเสียหลักแล้วให้คู่ต่อสู้ลงมาสู้กับเขาในท่านอน
การทำให้คู่ต่อสู้เอ่ยปากยอมแพ้ การที่จะเอาชนะ จะเกิดขึ้นได้มีอยู่ 3 วิธีนั้นก็คือ 1. ชนะคะแนนหลักจากที่หมดยก 2. ชนะน๊อกคู่ต่อสู้หรือคู่ต่อสู้ไม่สามารถแข่งขันต่อได้อีก 3. วิธีสั่งให้คู่ต่อสู้เอ่ยปากยอมแพ้ วิธีที่จะให้คู่ต่อสู้พูดคำว่ายอมแพ้ได้มีหลายวิธีแต่วิธีที่นิยมใช้ในการแข่งขัน MMA มากที่สุดนั้นก็คือการจับคู่ต่อสู้ ล็อค หรือการหักแขนขาหรือข้อต่อของคู่ต่อสู้ ในกรณีที่มีการจับหักคอ ทางกรรมการผู้ชี้ขาด สามารถสั่งยุติการแข่งขันได้ ถ้ารู้สึกถึงอันตรายถึงชีวิต ของผู้แข่งขัน
พื้นฐานทั้ง 4 รูปแบบนี้ ถือเป็นทักษะการต่อสู้ที่ต้องมี แต่อยู่ที่ผู้ฝึกฝนมากกว่าจะถึงทักษะไหนออกมาได้มากกว่ากัน คู่ขันขันบางคนไม่สามารถต่อยหรือเตะได้ดี แต่มีเทคนิคการจับทุ่มที่เหนือชั้นมาก จนทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับแพ้ไปในที่สุด กีฬามวย MMA จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบกันภายในพริบตา
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : โหลดเกมส์ , บาคาร่าขั้นต่ำ10บาท
อ่านเพิ่มเติม => นักมวยที่ค่าตัวสูง