มวยไทย vs ยูโด ความแตกต่างของการต่อสู้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

มวยไทย vs ยูโด  คือศิลปะการต่อสู้ ศิลปะการต่อสู้ของแต่ละประเทศนั้น ย่อมซ่อนความเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ สำหรับ ยูโด การต่อสู้ผ่านการใช้ท่วงท่า และการต่อสู้ ด้วยมือเปล่า แบบนักรบญี่ปุ่น กับ การต่อสู้ ผ่านศิลปะแบบมวยไทยนั้น มีการฝึกสอนในด้านใดบ้าง ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ มวยไทย และ ยูโด มากขึ้น

ยูโด (Judo) เป็นการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ที่ใช้สำหรับการรบในสงคราม ในอดีต ได้แก่ การใช้หอก ทวน หลาว ฟันดาบ ยิงธนู ขี่ม้า ในส่วนของ ยิวยิตสู (Jujitsu) เป็นการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่า ในระยะประชิด โดยใช้อาวุธต่าง ๆ

ซึ่งการต่อสู้แบบ ยิวยิตสู (Jujitsu) เน้นทำให้ศัตรู อันตรายถึงชีวิต บางกรณี ก็หวังเพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บ และยอมแพ้ไป หากไม่ยอมแพ้ก็จะทำให้พิการ ด้วยวิธีการจับหักมือ และข้อต่อส่วน ต่าง ๆ ของร่างกายนั้นเอง

ซึ่งนักรบญี่ปุ่นในอดีต จะมีการฝึกการต่อสู้วิชา ยิวยิตสู (Jujitsu) ทุกคน ประกอบกับการฝึกฝนใช้สมาธิไปด้วย เพราะต้องมีความตั้งใจ ในการฝึก เพราะอาจเกิดอันตรายในการฝึกฝนได้ การทำร้ายคู่ต่อสู้ ด้วย ยิวยิตสู จะต้องลืมเรื่องความเมตตา ความเห็นใจไปเลย เพราะกระบวนท่า นั้น มีแต่จะคอยหาโอกาสซ้ำเดิมคู่ต่อสู้ตลอดเวลา จึงทำให้ครูอาจารย์ที่ฝึกฝน ต้องพยายามคิดค้นกระบวนท่าทาง แตกต่างกันออกไปจาก

 

มวยไทย vs ยูโด

 

ยิวยิตสู ( Jujitsu ) แบบดั้งเดิม เพราะว่า แบบดั้งเดิมนั้นมี เทคนิคอันตรายต่าง ๆ เช่น การจิ้มตา ดึงผม เตะหว่างขา และอื่น ๆ อาจทำให้คู่ฝึกซ้อมบาดเจ็บสาหัสจากการฝึกฝนได้ รวมทั้งการฝึกที่เรียกว่า กะตะ ( การฝึกแบบเข้าคู่โดยทั้งสองฝ่ายรู้กัน และ ฝึกตามท่าโดยที่ไม่มีการขัดขืนกัน )

แต่เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังไม่ได้ประสิทธิภาพที่เพียงพอ เพราะเราจะไม่สามารถคาดหวังได้ว่า ศัตรูของเรา จะให้ความร่วมมือในท่าที่เราฝึกมาโดยที่ไม่มีการขัดขืนหรือไม่

ต่อมา ได้มีการปรับปรุงกระบวนท่า ในการฝึกฝนมาเป็น รันโดริ ( RANDORI ) คือ การฝึกซ้อมแบบจริง โดยใช้แนวความคิดว่า คู่ฝึก ทั้งสองใช้เทคนิคต่างๆ ที่ตนเรียนรู้มา เพื่อการเอาชนะอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้จะคุ้นเคยกับความรู้สึกต่อต้าน ขัดขืนจากคู่ต่อสู้

การฝึกแบบนี้สามารถพัฒนาจิตใจ ร่างกาย และความคล่องตัวได้ดีกว่า เพื่อทำให้การฝึกซ้อมแบบ รันโดริ มีประสิทธิภาพมากขึ้น การล็อกสามารถทำได้เพียงแค่ข้อศอก ซึ่งปลอดภัยกว่าการล็อก สันหลัง ข้อมือ คอ หรือหัวไหล่ การฝึกฝนแบบนี้จึงเรียกว่า ยูโด ( judo )

 

มวยไทย vs ยูโด

 

ทั้งสองศิลปะการต่อสู้ คือกีฬาสากลที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี

ปัจจุบัน ยูโด ( judo ) กลายเป็นอีกหนึ่งกีฬาสากล หลักการในการฝึกฝน ยูโด คือ มุ่งบริหารร่างกาย และ จิตใจ ให้มีประสิทธิภาพ โดยออกแรงให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการเซฟร่างกาย และ ควบคู่แรงที่จะส่งไปยังฝ่ายตรงข้าม การฝึก ยูโด ( judo ) ต้องมีการฝึกการต่อสู้ และ ป้องกันตัว เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ออกแรง สร้างความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อ และระบบต่างๆ ของร่างกายได้ดี

ความคิดในการป้องกัน ( preventive ) ของ ยูโด ( judo ) คล้ายกับว่า ยูโด เน้นการตั้งรับ รอคอยจังหวะ ความได้เปรียบของอีกฝ่าย และชัยชนะ มากกว่าศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะคาราเต้ ( Karate ) หรือ เทควันโด ( Taekwondo )

ซึ่งมีกระบวนท่า เน้นไปที่การจู่โจมเข้าตีคู่ต่อสู้ ในลักษณะที่เน้นผสมผสาน ทั้งการรุก และ ตั้งรับ ( offensive-defensive ) ไว้ด้วยกัน

สำหรับ มวยไทย ( muay thai ) การต่อสู้ ผ่านศิลปะของไทย ไม่ว่าจะเป็นเข่า ศอก และการออกหมัด ล้วนเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่ง ในการฝึกฝนต่อย มวยไทย ( muay thai ) นอกจากการใช้ฝึกฝนสำหรับคู่ต่อสู้แล้ว สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ อีกทั้งช่วยกระชับสัดส่วนที่ต้องการได้ โดยเฉพาะต้นแขน ต้นขา และในด้านของจิตใจ สามารถฝึกสมาธิไปในตัว เพราะต้องฝึกให้สายตามีความไวในการหลบ ทำให้ผู้เล่นได้ประโยชน์ต่อร่างกาย และ จิตใจ มวยไทย สามารถนำมาใช้ในการป้องกันตัว เมื่ออยู่ในสถานการณ์ ที่เสี่ยงอันตราย สามารถนำ มวยไทย ใช้ต่อสู้ เพื่อป้องกันตัวได้

 

มวยไทย vs ยูโด

 

มวยไทย กับการเตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง ทำให้ถึงขั้นหมดแรงและยอมแพ้

มวยไทย ( Muay thai ) มีอาวุธลูกเตะ เจาะยาง ที่ถือได้ว่าเป็นอาวุธ ที่หน้ากลัวที่สุด เป็นการเตะ เพื่อทำให้คู่ต่อสู้หมดแรงและยอมแพ้ไปเอง แต่ไม่ถึงกับน็อค เรามาดูกันว่าทำยังไงเตะเจาะยาง

การฝึกลูกเตะ จะเริ่มจากการ เตะกระสอบทราย กระสอบทราย สามารถเป็นตัววัดได้ว่า ผู้ฝึกฝนเตะได้แรง และเตะได้เร็วขนาดไหน หากอยากเตะให้แรง ก็ต้องเริ่มจากท่าเตะ การเตะ หมายถึง การใช้เท้าเป็นอาวุธในการต่อสู้มวยไทย ใช้ได้ดีเมื่อเป็นฝ่ายรุก หรือสกัดการรุกของคู่ต่อสู้ เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุด เป็นอาวุธที่ยาวที่สุด ในร่างกายของมวยไทย การเตะ มี 4 ประเภท  เตะเฉียง  เตะตัด  เตะตรง  เตะตวัดหลัง

เริ่มโดยการฝึกท่ายืน ก่อนจะลงแข้งได้หนักหน่วง นักมวยต้องยืนอย่างถูกวิธีกันก่อน โดยให้ยืนปลายเท้าทั้งสองห่างกัน เท่ากับไหล่ หรือขนานกับไหล่ทั้ง 2 ข้าง เขย่งปลายเท้าทั้งสองข้าง ให้ปลายเท้าสองหันขี้ไปด้านหน้า ยืนเอียงตัว วางน้ำหนักให้เท้าหน้า (หรือเท้าซ้าย) เท้าหลัง (เท้าขวา) คืออาวุธที่ปล่อยออกไป (อยู่ในท่าการ์ดมวยที่เท้าซ้ายอยู่หน้า แล้วแต่ถนัดของบุคคล) เท้าหน้า จะเป็นจุดหมุนที่ตรึงอยู่กับพื้นหมุนได้ตามแรงเหวี่ยงที่จะเตะ

ขาพับด้านในและด้านนอก หรือต้นขา ตรงนี้ เป็นตรงที่เรียกได้ว่าหากใครโดนไปแล้วละก็ จะถูกเจาะ และมีอาการปวดแสบ ไม่อยากเดิน หมดแรงขาไปเลย  คู่ต่อสู้จะต้องระวังส่วนนี้ เป็นพิเศษ หากโดนเข้าไปแล้วโดนซ้ำเข้าไปอีก บอกได้ลยถึงกับต่อยต่อไม่ได้แน่นอน

เตะเจาะยาง คือการเตะตัดขาตรงน่อง ของคู่ต่อสู้ ซึ่งทำให้ยกขาไม่ขึ้น เสมือนว่ายางแตก เพราะล้อถูกปล่อยลมออก ซึ่งสาเหตุที่การเตะเจาะยางทำให้คู่ต่อสู้ ยกขาไม่ขึ้นนั้น ก็เพราะว่าเป็นการเตะแบบเล็งเป้าที่เจาะจงทำให้ความรุนแรงเข้มข้นขึ้นในพื้นที่แคบ ๆ มากกว่าการเตะกลางลำตัวแบบทั่วไป แม้ว่าท่าเตะเจาะยางดูไม่หวือหวา แต่ที่จริงแล้วเป็นวิธีต่อสู้ที่รุนแรงมากวิธีหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์วิธีสู้กับคนตัวใหญ่กว่า และเป็นอาวุธที่นักมวยไทยใช้คว่ำคู่ต่อสู้ระดับโลกชาวต่างชาติมาแล้วหลายคน

ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : แทงบอล , ดูอนิเมะออนไลน์

อ่านเพิ่มเติม => นักมวยชื่อดัง