ประวัติ Khabib นูร์มาโกเมดอฟ นักสู้สุดแกร่งจากรัสเซีย ผู้ที่ทำให้จอมเกรียนไอริชสิ้นลาย
ประวัติ Khabib ท่าซับมิชชั่นทีเด็ดล็อคคอจากด้านหลัง ทำให้จอมเกรียนไอริช ต้องตบยอมแพ้ในการเจอกันเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2018 ผู้ตัดสินชี้ขาดว่า ” คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ ” เป็นผู้ชนะ ทว่าผู้ชนะอย่างเขากำลังหูดับจากความโกรธแค้นที่สั่งสมมาก่อนที่จะได้ขึ้นชกไฟต์นี้
เขายังคงขยี้ท่าซับมิชชั่นแม้ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ตบยอมแพ้ต่อไปอีก 3 วินาที เขาล็อกแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับเป็นภาษากายที่ใช้แทนคำพูดว่า “ไหนแกลองพูดเหมือนตอนก่อนชกอีกทีซิ”
ถึงแม้ว่าความบาดมาง จะเป็นเพียงเรื่องราวบนสังเวียนมวย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เพราะความเกรียนของ แม็คเกรเกอร์ ก็ทำให้เกิดเสียงของแฟนมวยกรง แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายกองเชียร์ของเกรียนไอริช มองว่า คาบิบ เป็นนักมวยที่จืดชืด ไม่มีจุดขาย เก่งแต่ท่านอน แล้วก็ไม่ตอบโต้อะไร
เพิ่มดีกรีก่อนชกให้ร้อนแรงไปอีก เพราะ แม็คเกรเกอร์ เป็นพวกข่มคู่ชกก่อนเกมเสมอ ขณะที่อีกฝั่งนั้นรอให้ คาบิบ ใช้หมัดตอบโต้แทนปาก และดับอหังการอดีตแชมป์ปากสว่างแต่เก่งจริงอย่าง แม็คเกรเกอร์ เสียที
นูร์มาโกเมดอฟ เป็นใคร เติบโตมาแบบไหน ทำไมจึงทำให้โลกของมวยกรงสั่นสะเทือนได้ขนาดนี้ ถ้าคุณอยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันนอกจาก “คนที่ชนะแม็คเกรเกอร์” บอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะชีวิตเขามันห่าม ราวกับหลุดออกมาจาก มังงะต่อสู้ดังของญี่ปุ่น “บากิ จอมประจัญบาน” เลยทีเดียว
ประวัติ Khabib อับดุลมานาโปวิช นูร์มาโกเมดอฟ อดีตนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมืออาชีพชาวรัสเซีย
“ลูกผู้ชายทุกคนต้องเกิดมาเพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับสงคราม แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่แสนสงบสุขก็ตาม” นี่คือสิ่งที่ คาบิบ เชื่อมาตั้งแต่เด็ก ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเขาเติบโตมาจาก ครอบครัวอิสลามในรัสเซีย โดยมีคุณพ่อเป็นทหารในกองทัพช่วงปี 1980 mini khabib คือใคร
พ่อของ คาบิบ สู้รบกับพวกกบฎแบ่งแยกดินแดนใน ดาเกสถาน ตลอดช่วงยุค 1990 ซึ่งทำให้นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของครอบครัว นูร์มาโกเมดอฟ … และตัวของ อับดุลมานาฟ พ่อของ คาบิบ ก็ยอมรับว่าความเป็นอยู่ที่ต้องระแวดระวังตลอดเวลาคือสิ่งที่เป็นเหมือนจิตวิญญาณที่ติดตัวของลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขา
อับดุลมานาฟ ผู้เป็นพ่อ เปลี่ยนโฉมชั้น 1 ของบ้านให้เป็นเหมือนโรงยิมเพื่อให้ลูก ๆ ของเขาได้ฝึกความแข็งแกร่ง ซึ่ง คาบิบ พี่คนโตของตระกูลนั้นได้รับการฝึกวิชาต่อสู้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ Khabib คือ
ภาพที่ผู้คนแถวนั้น เห็นประจำคือ คาบิบใส่เสื้อกล้าม ซ้อมมวยปล้ำอย่างเอาจริงเอาจัง และตัวของ อับดุลมานาฟ รู้ดีว่าลูกชายของเขาถูกสถานการณ์หลอมให้เป็นเด็ก ที่พิเศษกว่าคนทั่วไป
“จุดแข็งของคาบิบคือระเบียบวินัยและหัวจิตหัวใจของเขา” ผู้เป็นพ่อกล่าวถึงลูกชาย
คาบิบ มีสัญชาตญาณนักสู้โดยธรรมชาติ และการได้รับการถ่ายทอดศาสตร์แห่งการต่อสู้ทั้ง ยูโด, แซมโบ้ และมวยปล้ำจากคุณพ่อ ทำให้ในรุ่นเดียวกันไม่มีใครสู้เขาได้ ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะนอกจากพ่อจะเป็นทหารแล้วยังเป็นครูฝึกการต่อสู้ในกองทัพ ดาเกสถาน อีกด้วย
อับดุลมานาฟ ไม่เคยอ่อนข้อให้ลูกตัวเอง คาบิบ ต้องฝึกหนักเหมือนกับเด็ก ๆ เขาไม่ลังเลที่จะอัดลูกตัวเองให้ล้มลงกับพื้น เช่นเดียวกับที่ทำใส่เด็กคนอื่นในท้องถิ่น ซึ่งหลั่งไหลมาเรียน มาเรียนวิชาต่อสู้ กับกับกองทัพ ด้วยหลากหลายเหตุผล
“ผมฝึกเด็ก ๆ มา 20 กว่าปี ตั้งแต่ 5 ขวบจะให้เริ่มเล่นเกี่ยวกับยิมนาสติกก่อน พอถึง 8 ขวบก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้แขนงต่าง ๆ เรื่อยมา ท้ายที่สุดแล้วตอนอายุ 16 ปี พวกเขาจะต้องเลือกว่าอยากจะเอาจริงเอาจังกับกีฬาชนิดไหนมากที่สุด” อับดุลมานาฟ เล่าถึงวิธีการฝึกเด็ก ๆ
แต่ด้วยความที่คาบิบ เป็นคนที่เรียนรู้ได้ไวกว่าเด็กทั่วไป ทำให้เขา เอาชนะคู่แข่งได้ง่าย ไม่ว่าจะลงแข่งรายการประเภทไหน เขามักจะจบลงด้วยการเป็นคนถูกชูมือขึ้นในตอนจบ
หลายคนอาจจะมองว่า วิชาการต่อสู้ คือสิ่งที่ต้องห้าม อย่าเอามาใช้เพื่อการทะเลาะวิวาท แต่ดูเหมือนว่า ความจำเป็น ก็ยังบีบบังคับทำให้ คาบิบ ต้องใช้วิชาที่มีติดตัว คอยกำราบเหล่าอันธพาลที่จ้องจะรังแก ผู้มาใหม่อย่างเขา
ถึงอย่างนั้น คาบิบก็เหมือนลืมเส้นทางสู้สังเวียนมวย เพราะในเวลาเดียวกัน เขาก็เดินหน้าเข้าสู้การเป็นนักสู้ MMA อย่างเต็มรูปแบบ และได้กลายเป็นนักชกอาชีพในปี 2008
ถึงตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า แม้จะโชคร้ายที่เกิดมาในดินแดนแสนอันตราย แต่อย่างน้อยเขาก็เกิดถูกครอบครัว ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะให้เขากลายเป็นแชมป์ตั้งแต่เกิด
การเติบโตบนเส้นทางแชมป์ของคาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ
คาบิบ ไม่ต่างจากเด็กที่เกิดในหมู่บ้านไกลปืนเที่ยง ดาเกสถาน มีพื้นที่ติดกับประเทศจอร์เจีย อาจบอกได้ว่า ทบิลิซี่ หรือเมืองหลวงของประเทศจอร์เจียยังตั้งอยู่ใกล้บ้านเขามากกว่า กรุงมอสโก ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซียเสียด้วยซ้ำไป
ไม่ต้องคิดเลยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ในอดีตของเขาจะเป็นยังไง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนัก ด้วยเหตุนั้น จึงเป็นผลดีที่ทำให้คาบิบได้ฝึกและมีสมาธิกับสิ่งที่ถูก และสามารถนำไปต่อยอดให้กลายเป็นแชมป์โลกในอนาคต อย่างไรก็ตามการที่เขา ตื่น กิน ซ้อม นอน วนไปแบบนี้ เป็นสิบ ๆ ปี ก็กลายเป็นสิ่งที่หล่อหลอมทำให้เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกตามแบบฉบับคนบ้านนอก
คาบิบไม่ได้อยากทำให้ใครยอมรับในตัวเขาเลย นอกจากพ่อ ดังนั้นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 9 ขวบที่เขาต้องการก็คือการได้สู้กับลูกหมี เพื่อแสดงให้ผู้เป็นเห็นว่าเขาแกร่งแค่ไหน
“ลูกชายย่อมอยากที่จะแสดงออกให้พ่อเห็นว่าเขาแข็งแกร่ง การได้สู้กับหมีนี่แหละบอกถึงความแข็งได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมกว่าการออกกำลังกายเยอะ” คาบิบ กล่าวถึงเรื่องการซ้อมปล้ำกับหมีในภายหลัง Khabib Pantip
ความซื่อแบบคนบ้านนอก ทำให้ คาบิบ เล่นกับสื่อไม่เป็น โปรโมตตัวเองด้วยคำพูดไม่เป็น เขามาแบบทื่อ ๆ ไม่มีลูกเล่นในคำพูดอะไร แต่ใช้กำปั้นซัดคู่แข่งอารมณ์ประมาณว่า ต่อยก่อนค่อยพูดทีหลัง ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของความเก่งกาจ ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยในตัวเขาหรอก เพียงแต่ว่า คาบิบ ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมาก เมื่อครั้งอดีต เหตุมาจากเพราะเขาไร้จุดขายและดูธรรมดาเกินไป
ฝีมือที่ถูกเหลาจมเฉียบคมมาตั้งแต่เด็กทำให้ คาบิบ เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่พิสูจน์ว่า แซมโบ้ คือศิลปะการต่อสู้ที่ไม่แพ้ศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นเลย
มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง มีการถกเถียงกันในวงการต่อสู้ว่ามีศาสตร์แขนงไหนกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุด บราซิเลี่ยน ยูยิตสู, มวยไทย, มวยปล้ำ หรืออะไรก็ตาม ซึ่ง อับดุลมานาฟ พ่อของคาบิบก็ตอบแบบง่ายๆ ว่า “ผมบอกนักสู้ของผมทุกคนว่าให้ตอบกลับคำถามนี้ด้วยการเอาชนะคู่แข่งให้ได้ นั่นคือการพิสูจน์ว่า แซมโบ้ คือศาสตร์ที่แกร่งที่สุดได้ดีที่สุด”
คาบิบ ทำหน้าที่ลูกชายที่ดีเช่นเคย ด้วย 16 ไฟต์ ในการชกแบบ MMA เขาใช้เทคนิคของแซมโบ้ ที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจัดการคู่ต่อสู้ทุกคน ด้วยสไตล์จับทุ่มโหด ๆ ลงพื้น แล้วจัดการคู่ต่อสู้ด้วยท่านอน จนกลายเป็นที่มาของฉายา The Eagle หรือ อินทรีแห่งดาเกสถาน ที่เมื่อลากลงพื้นเมื่อไหร่ ก็จะไม่มีใครต้านได้ หมายความว่าสถิติของเขาเท่ากับว่า ชนะ 16 แพ้ 0 ไร้รอยขีดข่วน
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวยังแว่บไปคว้าแชมป์โลกแซมโบ้ ถึง 2 ปีซ้อน (ต่างรุ่นน้ำหนัก) ทั้งในปี 2009 ที่เคียฟ และปี 2010 ที่ มอสโก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า UFC กลายเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา
คาบิบ เข้าสู่สังกัด UFC ตั้งแต่ปี 2011 ในรุ่น ไลท์เวต แต่กว่าจะได้เดบิวท์จริง ๆ ก็ต้องรอถึงปี 2012 ถึงกระนั้น เขาก็ไล่สอยคู่แข่งเหมือนมะม่วง ร่วงเป็นแถบ ๆ ทั้ง คามาล ชาโลรุส เหยื่อรายแรกที่โดน คาบิบ จัดซับมิชชั่นจนหมดสภาพ ตามด้วยการชนะคะแนน กลีสัน ทิโบ อย่างเป็นเอกฉันท์ และน็อก ธิอาโก้ ตาวาเรส ตั้งแต่ยกแรก ทั้งหมดนี้คือความยอดเยี่ยมของเขาในปีแรกที่รู้จัก UFC khabib เคยแพ้ ไหม
Khabib เขาไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กับใคร เพื่อเกียรติยศหรือชื่อเสียง ของเขา เขาได้พิสูจน์แล้วด้วยสถิติ 27 ไฟต์ไม่เคยแพ้ใคร และ 12 ไฟต์ใน UFC ที่ไม่แพ้ใคร เขาไม่เคยแผ่ว เขาไม่เคยเสียท่า และเขาไม่เคยโดนต่อยร่วง
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : แทงบอลออนไลน์ , เว็บดูบอลสดฟรี
อ่านเพิ่มเติม => ลดน้ำหนัก