นักมวยแก่แต่เก๋า ประสบการ์ณมันจะสอนเอง

นักมวยแก่แต่เก๋า หากบอกกันโดยธรรมดา ขณะที่พีกที่สุดของนักมวยจะอยู่ระหว่างอายุ 28 ถึง 35 ปี หลังจากนั้นสภาพร่างกายของพวกเขาก็จะโรยราไปตามระยะเวลา มันเป็นความจริงที่ไม่อาจหลบหลีกได้ อย่างไรก็ดี ยังมีนักต่อยจำพวกหนึ่งที่มีประสาทสัมผัสพิเศษเหนือคนอื่นพวกเขารู้เรื่องสภาพร่างกายของตน ดูอนิเมะออนไลน์

และก็หันมาใช้แนวทางแล้วก็ความชำนาญเพื่อชดเชยความถดถอยของพลัง ซึ่งนักมวยจำพวกนี้นานวันเข้าพวกเขายิ่งฉลาดปราดเปรื่องแล้วก็มีประสบการณ์มากยิ่งขึ้น จนกระทั่งสามารถประยุกต์ใช้เป็นอาวุธเพื่อเอาชนะนักต่อยรุ่นน้องที่หนุ่มแน่นแล้วก็แข็งแรงมากยิ่งกว่าลงได้ ผู้คนจำนวนมากกล่าวว่ามวยเป็นกีฬาของชายหนุ่ม แต่ว่านักต่อยพวกนี้มิได้ใส่ใจคำพูดพวกนั้น และก็นี่เป็น 5 ยอดเยี่ยมนักต่อยที่พิสูจน์ให้มีความเห็นว่า อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข

5.จอร์จ โฟร์แมน

ก่อนจะมีชื่อเสียงไปทั้งโลกจากธุรกิจเตาปิ้งบาร์บีคิวเพื่อสุขภาพ จอร์จ โฟร์แมน เคยเป็นนักต่อยมีชื่อเสียงระดับแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 2 ยุคมาก่อน ซึ่ง “บิ๊กจอร์จ” จัดเป็นนักมวยจำพวกหมัดหนัก ไล่น็อกคู่ต่อสู้มานักต่อนักในตอนปี 1969 แล้วก็ 1997

โดยในตอนพีกๆโฟร์แมนทำให้คู่ชกผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยขวัญผวา แม้ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้น็อกหนแรก แล้วก็ครั้งเดียวในอาชีพต่อยอดมวยอย่าง มูฮัมหมัด อาลี ในไฟต์ “Rumble in the Jungle” อันโด่งดัง แต่ว่าเขาก็ยังบรรลุเป้าหมายบนทางสายหมัดเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษภายหลังจากไฟต์ประวัติศาสตร์ตอนนั้น

หากแม้เจ้าตัวจะเลิกครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียงแต่ 28 ปี แต่ว่าก็กลับมาขึ้นชกในอีก 10 ปีที่ผ่านมาด้วยวัย 38 ปี พร้อมทั้งร่างกายที่ไม่เหลือเค้านักกีฬา หลายคนดูเป็นเรื่องตลกโปกฮา แล้วก็มีความรู้สึกว่าโฟร์แมนหมดยุคหมดสมัยไปแล้ว แต่ว่าในที่สุดผู้ที่หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ โฟร์แมนเก็บชัยชนะ 24 ไฟต์รวด นักมวยแก่

เป็นการชนะน็อกถึง 22 ไฟต์ ก่อนที่จะได้ขึ้นชิงชนะเลิศโลก 3 สถาบันกับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ รวมทั้งเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอย่างเอกฉันท์ แต่โฟร์แมนได้ชิงชนะเลิศโลกอีกทีใน 4 ไฟต์ต่อมา แต่ว่าก็จำต้องพ่ายต่อ ทอมมี่ มอร์ริสัน พลาดคว้าสายรัดเอว ดับเบิ้ลยูบีโอ ที่ว่างอย่างน่าเสียดาย

1 ปีถัดมา โฟร์แมน ในวัย 46 ปี ได้ชิงแชมป์โลกอีกที โอกาสนี้จำเป็นต้องพบกับ ไมเคิล มัวเรอร์ แชมป์ ไอบีเอฟ และก็ ดับเบิ้ลยูบีเอ วัย 27 ปีที่ยังไม่เคยแพ้ใคร แน่นอนหลายท่านฟันธงว่ามัวเรอร์จะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ แต่ว่าเมื่อถึงยก 10 โฟร์แมนก็ออกหมัดขวาทิ่มแทงเข้าปลายคาง ส่งคู่ชกลงไปนอนกับพื้นเวที

เปลี่ยนเป็นแชมป์โลกยุคที่ 2 ในอาชีพ และก็ครองสถิติแชมป์โลกอายุมากที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวตมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เวลาที่ไฟต์สุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในปี 1997 โฟร์แมนแพ้คะแนนแชนนอน บริกก์ส ก่อนประกาศวางมือในวัย 48 ปี จบอาชีพด้วยสถิติต่อยชนะ 78 แพ้ 5 ไฟต์ ซึ่งเป็นการชนะน็อกถึง 68 ไฟต์เลยทีเดียว ซุ้มไก่ชนโหด

4.อาร์ชี่ มัวร์

หนึ่งในนักต่อยรุ่นเก๋าที่บรรลุผลสำเร็จเยอะที่สุด โดยในปี 1956 ช่วงเวลาที่ มัวร์ อายุ 40 ปี เจ้าตัวยังคงได้รับการจดจำในฐานะแชมป์โลกรุ่น ไลต์ เฮฟวี่เวต แล้วก็ครอบครองตำแหน่งนานไปอีก 4 ปีหลังจากนั้น ซึ่งเรื่องจริงแล้ว มัวร์ ชอบขึ้นชกดวลกำปั้นกับนักต่อยที่ตัวใหญ่มากยิ่งกว่าเขาในรุ่นเฮฟวี่เวต

และก็จะลงมาต่อยรุ่นไลต์ เฮฟวี่เวตก็ต่อเมื่อจะต้องป้องกันแชมป์แค่นั้น แต่ว่าไม่ว่าจะต่อยในรุ่นอะไร สไตล์ส่วนใหญ่ของเขาก็ยังคงเดิมเป็น ฟุตเวิร์กที่สุดยอดบวกกับการป้องกันที่แน่นแฟ้น พร้อมทั้งหมัดที่หนักเพียงพอจะส่งคู่ต่อสู้หล่นลงไปกองกับพื้นเวที

ไฟต์สุดท้ายของมัวร์เกิดขึ้นในปี 1963 ซึ่งเจ้าของสมญานาม “พังพอนเฒ่า” ชนะน็อก ไมค์ ดิบิอาซี่ นักมวยปลุกปล้ำอาชีพที่ขึ้นสังเวียนมวยเป็นไฟต์แรกในยกที่ 3 ก่อนที่จะประกาศวางมือในวัย 47 ปี พร้อมสถิติอันน่าตกตะลึงเป็นชนะ 186 แพ้ 23 แล้วก็เสมอ 10 ไฟต์ โดยเป็นการชนะน็อกถึง 132 ไฟต์ เยอะที่สุดเป็นชั้น 2 ในประวัติศาสตร์วงการมวย ด้อยกว่าเพียง บิลลี่ เบิร์ด ผู้ครอบครองสถิติชนะน็อก 138 ไฟต์เพียงคนเดียวแค่นั้น

3.แลร์รี่ โฮล์มส์

ตอนที่ แลร์รี่ โฮล์มส์ แพ้น็อกยก 4 ต่อ ไมค์ ไทสัน เมื่อปี 1988 กูรูคนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่า ทางอาชีพของนักต่อยวัย 38 ปีในช่วงเวลานั้นจบลงแล้ว ภายหลังก่อนหน้านั้นก็พึ่งแพ้ ไมเคิล สปิงซ์ 2 ไฟต์ติด แต่ว่าเจ้าของสมญานาม “มือสังหารที่อีสตัน” เลือกที่จะสู้ต่อไป ซึ่งมันแปลงเป็นการตัดสินใจที่ถูก นักมวยแก่และเก๋า

โฮล์มส์รู้กันดีว่าการต่อยในรุ่นเฮฟวี่เวตขณะนั้นยังไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถอะไรมากกมายนัก แล้วก็ด้วยการที่ จอร์จ โฟร์แมน ยังประสบความสำเร็จ โฮล์มส์ก็เลยมั่นใจว่าตนเองก็ทำเป็นด้วยเหมือนกัน โดย 3 ปีต่อมาภายหลังจากแพ้ไทสัน โฮล์มส์ในวัย 41 ปี

กลับขึ้นชกอีกทีแล้วก็ชนะทีเคโอ ทิม แอนเดอร์สัน ตั้งแต่ยกแรก นับตั้งแต่นั้นโฮล์มส์ก็ขึ้นชกอีก 23 ไฟต์ชนะ 20 แพ้เพียงแค่ 3 ไฟต์ ซึ่งเป็นไฟต์ชิงแชมป์โลกทั้งหมด ก่อนที่จะจบอาชีพหลังจากชนะคะแนน เอริค “บัตเตอร์บีน” เอสช์ เมื่อปี 2002 ด้วยวัย 53 ปี

2.โรเบร์โต้ ดูแรน

ในตอนวัยชายหนุ่ม โรเบร์โต้ ดูแรน เป็นนักมวยที่มีส่วนผสมของความดุเดือดรวมทั้งกำลัง ในตอนจุดพีกของอาชีพเจ้าตัวไล่ผลาญคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่นรวมทั้งแปลงเป็นนักต่อยที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น แต่ว่าภายหลังจากพ้นช่วงเวลาดังที่กล่าวถึงมาแล้วไปแล้ว ดูแรนก็ยังคงขึ้นชกถัดไปแม้ว่าจะอายุเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วก็สภาพร่างกายมิได้ดีดังเดิม แต่ด้วยการมีปัญญาที่หลักแหลมแล้วก็เชิงมวยอันเยี่ยมยอดทำให้ดูแรนยังคงยืนหยัดอยู่ในแวดวงได้แบบไม่อายใคร

ตอนที่เจ้าของสมญานาม “กำปั้นหิน” ตอนวัยรุ่น พึ่งพาอาศัยกายภาพและก็กำลังในการต่อย แต่ว่าดูแรนในวัยเก๋าอาศัยเทคนิค, การกะช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แล้วก็การบุกอันชาญฉลาด เวลาเดียวกันปฏิกิริยาตอบสนองในเชิงรับของเขายังคงเฉียบคมพอที่จะเลี่ยงอันตรายหรือตัดทอนความเสื่อมโทรมได้ ก็เลยทำให้ยืนระยะได้อย่างยาวนาน

ความมีชัยไฟต์สุดท้ายในอาชีพของ ดูแรน เกิดขึ้นในปี 2000 โดยเป็นการชนะคะแนน แพทริก กูสเซ่น ก่อนที่จะแพ้ เฮคเตอร์ คามาโช่ ในปีถัดมา ซึ่งเป็นไฟต์ท้ายที่สุดบนสังเวียน ต่อจากนั้นเจ้าตัวเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างหนักทำให้จำเป็นต้องประกาศแขวนนวมในวัย 50 ปี พร้อมด้วยสถิติต่อย 119 ไฟต์ ชนะ 103 ไฟต์ ซึ่งเป็นการชนะน็อก 70 ไฟต์ แพ้ 16 ไฟต์ นักมวยแก่นแก้ว

1.เบอร์นาร์ด ฮ็อปกิ้นส์

ไม่มีผู้ใดไม่ยอมรับในเรื่องที่ว่า เบอร์นาร์ด ฮ็อปกิ้นส์ ทำผลงานได้ดีถึงแม้ผ่านช่วงเวลาที่สภาพร่างกายสมบูรณ์ที่สุดไปแล้ว โดยฮ็อปกิ้นส์ได้แชมป์โลกยุคแรกในวัย 30 ปี เมื่อเขาครองสายรัดเอวรุ่นมิดเดิลเวตของไอบีเอฟในปี 1995 แล้วเจ้าของสมญานาม “เพชฌฆาต” ก็ป้องกันตำแหน่งได้ถึง 20 ยุค เปลี่ยนเป็นสถิติสูงสุดของรุ่นมิดเดิลเวตจนถึงปัจจุบันนี้

แฟนมวยแล้วก็กูรูผู้คนจำนวนมากชูให้ฮ็อปกิ้นส์เป็นหนึ่งในนักต่อยที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์เมื่อเปรียบเทียบปอนด์ต่อปอนด์ แต่ว่าผลงานที่น่าจำที่สุดของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่มีอายุ 40 ปีไปแล้ว โดยในวัย 42 ปี ฮ็อป

กิ้นส์เอาชนะ อันโตนิโอ ทาร์เวอร์ คว้าแชมป์ของไอบีโอ และนิตยสาร เดอะ ริง แม้เขาจะเสียแชมป์ให้กับ โจ คัลซากี้ ในปี 2008 แต่ว่า 3 ปีถัดมา ฮ็อปกิ้นส์ ก็เอาชนะ ฌอง ปาสกาล ครองแชมป์รุ่นไลต์ เฮฟวี่เวตของ ดับเบิ้ลยูบีซี, เดอะ ริง แล้วก็เป็นแชมป์สายตรงได้สำเร็จ

ต่อไปฮ็อปกิ้นส์ยังคงเดินหน้าบนเส้นทางสายหมัดอย่างน่าทึ่ง แม้จะเสียแชมป์ให้ แชด ดอว์สัน ใน 2 ไฟต์ถัดมา แต่ว่าก็ไปดึงสายรัดเอวของ ไอบีเอฟ จาก ทาโวริส คลาวด์ ได้สำเร็จในปี 2013 ก่อนที่จะป้องกันแชมป์ได้ 1 สมัย และก็ตามด้วยการชนะคะแนน เบย์บุต ชูเมนอฟ ทำให้ได้ได้รับตำแหน่งซูเปอร์แชมป์ของ ดับเบิ้ลยูบีเอ และ ไอบีเอ เพิ่มอีก

อย่างไรก็ดี 2 ไฟต์ในที่สุดในอาชีพของฮ็อปกิ้นส์ไม่น่าจดจำนัก เจ้าตัวครองแชมป์ 3 สถาบันได้ไม่ถึง 6 เดือนก็มาแพ้ต่อ เซอร์เก โควาเลฟ ก่อนที่จะจบอาชีพหลังแพ้น็อกแบบตกเวทีต่อ โจ สมิธ จูเนียร์ ในธ.ค.ปี 2016 ในวัย 51 ปี

 

ติดตามข่าวสารมวยได้ที่ => ข่าวมวย