นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท พิกัดรุ่นที่มีประวัติศาสตร์มากมาย มีที่มาที่ไปอย่างไร
นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท นั้นนับว่าเป็น พิกัดน้ำหนักการชกมวยสากลอาชีพ ที่จัดว่าเป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุด โดยนักมวยที่จะชกในรุ่นนี้ ต้องมีน้ำหนักมากกว่า 200 ปอนด์ (90 กิโลกรัม) ขึ้นไป โดยความเป็นมาของพิกัดน้ำหนักรุ่นนี้ มีมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 เมื่อ เจมส์ ฟิกก์ นักมวยชาวอังกฤษ ประกาศว่าตนเป็นแชมป์โลกคนแรกของโลก
ต่อมาได้พัฒนาการชกมวย ให้มีรูปแบบ และกติกา ที่ชัดเจน ซึ่งในศตวรรษต่อมา มาร์เควซแห่งควีนเบอร์รี ได้สนับสนุนให้มีการชกแบบ 12 ยก และได้ออกกติกาขึ้นมาชัดเจน ในชื่อว่า กติกาแห่งควีนเบอร์รี หรือ กฎมาร์เควซแห่งควีนเบอร์รี กำหนดให้ในแต่ละยกต้องมี 3 นาทีชัดเจน และกำหนดให้นักมวยต้องสวมนวมขึ้นชก มีแบ่งพิกัดน้ำหนักออกเป็นรุ่น ๆ ในปี ค.ศ. 1850
แรกเริ่มมีเพียง 3 พิกัดเท่านั้นคือ ไลท์เวท, มิดเดิลเวท และเฮฟวีเวท หลังจากนั้นมาศักราชของการชกมวยสากล ในแบบสมัยใหม่ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
อย่างที่รู้กันว่า น้ำหนักรุ่นเฮฟวีเวท จัดได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประวัติศาสตร์มากมาย ด้วยความที่เป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นนักมวยที่ขึ้นชกแต่ละคน ก็จะมีรูปร่างใหญ่โตกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงดึงดูดสายตาของผู้ชมได้เป็นอย่างมาก หลายคนอยากที่จะเห็นคนร่างใหญ่ เหวี่ยงกำปั้นใส่กัน โดยนักมวยที่มีชื่อเสียงที่ได้ชกในพิกัดนี้ ก็มีอยู่หลายคนด้วยกัน ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูหน้าตาของนักมวยรุ่นยักษ์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ว่ามีใครกันบ้าง

นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท ยุคเก่าในตำนานชื่อดังหลายคน ที่ดึงดูดสายตาของผู้ชมได้มากมาก
นักมวยที่มีชื่อเสียง ที่ได้ชกในพิกัดนี้ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก ในแบบสวมนวม เป็นคนแรกของโลก คือ จอห์น แอล. ซัลลิแวน เขามีจุดเริ่มต้นจากเวทีมวยที่ป่าเถื่อน ก่อนพาการชกมวย ดำเนินเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ที่เป็นสากล ถังยังสร้างตำนานที่ยิ่งกว่าเรื่องการชกมวย นั่นคือการเอาความเป็น นักกีฬาของตัวเอง มาต่อยอดสร้างสถานะใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน กลายเป็น ซูเปอร์สตาร์ ของวงการมวยในยุคนั้น
จอห์น แอล. ซัลลิแวน ถือเป็นชายที่อยู่กึ่งกลาง การเชื่อมต่อยุคสมัย ของการชกมวย เข้าหากันด้วย เขาเป็นแชมป์มวยแบบ “London Prize Ring Rules” คนสุดท้ายของโลก และเป็นแชมป์มวยแบบกฎปัจจุบัน หรือที่เรียกว่ากฎ “Marquess of Queensberry” เป็นคนแรก เรียกได้ว่าหมัดเปล่า ๆ ของเขาคือส่วนสำคัญของวงการมวยสากลอย่างแท้จริง
และคนต่อมาคือ แจ๊ค จอห์นสัน นักมวยผิวดำคนแรก ที่ได้แชมป์ในรุ่นนี้ ชายหนุ่มผิวดำที่เกิดและเติบโตในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา มาจากครอบครัวคนยากจน ที่มีลูกถึง 9 คน โดยพ่อและแม่ของเขา เป็นคนชนชั้นล่าง ทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง และคนล้างจานในร้านอาหาร ด้วยกฎหมายของสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น ยังไม่ยอมรับคนผิวสี ให้มีสิทธิเท่าเทียมกับคนผิวขาว ทำให้จอห์นสัน ต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ
เขาเริ่มต้นกับการชกมวยในผับบาร์ หรือคลับของคนรวย อย่างไรก็ตาม การชกตามสถานบันเทิงเหล่านี้ ทำเงินให้จอห์นสันได้ไม่น้อย และเขาไม่คิดปริปากบ่น ตราบใดที่เขายังคงชนะน็อคนักมวยคู่ต่อสู้ คนเเล้วคนเล่า ฝีมือที่เก่งเกินกว่าจะต่อยตามผับ ทำให้จอห์นสันได้รับโอกาส ขึ้นชกอาชีพเป็นครั้งแรก ที่รัฐเท็กซัสบ้านเกิดของเขา
แม้จะเริ่มต้นอย่างยากลำบาก กับการหารายได้ ในฐานะนักมวย แต่ชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้น ทำให้จอห์นสันได้เดินทางไปชกมวยทั่วสหรัฐฯ หาเงินได้มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น กับชัยชนะบนสังเวียนของเขา สไตล์การชกของ จอห์นสัน เป็นมวยเน้นรับ สร้างความผิดพลาดให้น้อยที่สุด ไม่บุกเข้าไปชกใส่คู่ต่อสู้ก่อน ทำให้เขาสามารถชกคู่ต่อสู้ ที่เป็นมวยสายบุกได้แบบสบาย ๆ เพราะนอกจากชั้นเชิงที่ยอดเยี่ยม จอห์นสัน ยังมีหมัดที่หนักหน่วง เป็นอาวุธเอาชนะนักชกคู่แข่ง
คนต่อไปคือ แจ็ค เดมป์ซีย์ (Jack Dempsey) อดีตนักมวยชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ 1920 ผู้ที่เป็นเสมือนตำนานแห่งวงการมวยสากลระดับโลก แชมเปี้ยนโลกรุ่นเฮฟวี่เวทคนที่ 9 ของโลก แจ็ค เดมป์ซีย์ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1895 ที่เมืองมานาสซา รัฐโคโลราโด ในครอบครัวนิกายมอร์มอนที่ยากจน เป็นบุตรชายของฮีรูน และซีเลีย เดมป์ซีย์ ที่มีพื้นเพจากรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย

เดมป์ซีย์ ทำงานครั้งแรกเมื่ออายุได้ 8 ขวบ ในฟาร์มพืชไร่ ใกล้กับเมืองโบทสปริงส์ ต่อมาได้เปลี่ยนมาทำงานในเหมืองแร่และเป็นคาวบอย ซึ่งต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตให้รอด เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เดมป์ซีย์ ก็ยังคงทำงานทั้งสามอย่าง และในช่วงปีนี้เอง ที่ เบอร์นี เดมป์ซีย์ พี่ชายคนโตได้รับเงินพิเศษเป็นนักมวยสมัครเล่นในบ่อนการพนันของเมืองร็อกกี้ เมาเท่น ซึ่งเบอร์นีนี่เองที่เป็นผู้สอนเดมป์ซีย์ให้เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของกราม และสร้างความทนทานให้กับผิวหน้าด้วยการแช่น้ำเกลือ
แจ็ค เดมพ์ซี่ย์ ถูกพูดถึงในฐานะ ยอดมวยรุ่นเฮฟวี่เวท ที่แกร่งและเก่งที่สุด การชกของ เดมพ์ซี่ย์ นั้นถือว่าเร้าใจมาก นับว่าเป็นมวยแม่เหล็กอย่างแท้จริง ในปี 1919 เคยมีแฟนกำปั้นเข้ามาชมไฟต์ระหว่างเขากับ เจสส์ วิลลาร์ด เป็นจำนวนถึง 1 แสนคน และในค่ำคืนนั้นเอง 1 ในท่าไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุดแห่งยุค ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น แน่นอนมันคือ “เดมพ์ซี่ย์ โรลล์” เป็นท่าที่นักมวยจะโยกตัวซ้ายขวาขึ้นลงเป็นเลข 8 พร้อมกับระดมหมัดใส่คู่ต่อสู้ เรียกได้ว่า หลับไปด้วยชกไปด้วย
นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทในอดีต ยุค 1900s ที่เป็นระดับตำนาน มีใครบ้าง
มาที่คนแรกกันเลยสำหรับนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทในตำนาน รอคกี มาร์ซีอาโน นักมวยผิวขาวชาวอเมริกัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลกคนเดียวจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ไม่เคยแพ้ใครจนกระทั่งแขวนนวม เขา มีชื่อจริงว่า รอคโก ฟรานซิส มาเคเจียโน (Rocco Francis Marchegiano) เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1923 ที่เมืองบร็อกตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน

เมื่อวัยเด็ก มาร์ซีอาโน ชอบที่จะเล่นเบสบอลมาก แต่แม้จะมีความสามารถบวกกับร่างกายที่แข็งแกร่ง ก็ยังไม่สามารถเอาดีด้านนี้ได้ เพราะความเป็นหนุ่มเลือดร้อน ที่ชอบละตำแหน่งแคชเชอร์ไปไล่ชกต่อยคู่แข่งอยู่บ่อย ๆ จนโค้ชเอือมระอา ต่อมาเมื่อถูกเกณฑ์ทหาร ที่ทำให้เกิดจุดหักเหสำคัญในชีวิต เมื่อมาร์ซีอาโนเข้าฝึกฝนมวย และค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองที่มีพลังหมัดดุดัน จนประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ ในการชกมวยสากลสมัครเล่น กับทัวร์นาเมนต์ของกองทัพ
ด้วยพลังกำปั้น ที่หนักหน่วง ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้มาร์ซีอาโนแจ้งเกิดได้อย่างสง่างาม 16 ไฟต์แรกของการชกอาชีพ เป็นการถลุงคู่ชกแบบไม่ครบยกทั้งหมด แถมในจำนวนนี้มีอยู่ 9 ไฟต์ที่ระฆังหมดยก 1 ยังไม่ทันจะได้ตี นักมวยฝ่ายตรงข้ามก็ลงไปกองกับพื้นเวทีแล้ว ทำให้มาร์ซีอาโนขึ้นสู่รองแชมป์โลก
รอคกี มาร์ซีอาโน ถูกจารึกในฐานะแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทร่างเล็ก ดูจากรูปร่างแล้ว แทบไม่น่าเชื่อ เขามีความสูงเพียงแค่ 5 ฟุต 11 นิ้ว หนักไม่ถึง 190 ปอนด์ (เต็มพิกัดรุ่นเฮฟวี่เวท) แถมช่วงชกยังสั้นเพียง 68 นิ้ว อันเป็นช่วงชกที่ถือว่าสั้นที่สุดในบรรดาแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทเท่าที่เคยมีมา แต่กลับมีพลังหมัดที่หนักปานภูผาหิน

สำหรับคนต่อมาคือ โจ หลุยส์ นักมวยผู้ทำสถิติการชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก ได้มากครั้งที่สุดในโลก จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก โจ หลุยส์ เป็นชาวอเมริกัน เกิดในครอบครัวยากจนชาวผิวสี ในชนบทของมลรัฐอลาบามา ต่อมาช่วงอายุ 12 ปี ครอบครัวของเขาย้ายไปยังเมืองดีทรอยต์ มลรัฐมิชิแกน หลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
ช่วงวัยรุ่น เขาทำงานในโรงงานน้ำแข็ง ส่งผลให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง จนราวอายุ 17 ได้ก้าวเข้าสู่แวดวงมวยสากลสมัครเล่น โดยขึ้นชกมวยที่ศูนย์นันทนาการเยาวชนท้องถิ่น และเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากเป็นแชมป์ Golden Gloves กระทั่งได้เป็นนักมวยอาชีพตั้งแต่อายุ 20 ปี และกลายเป็นแชมป์สมัครเล่นสหรัฐอเมริกา (National Boxing Championships) ในปีพ. ศ. 2477 ต่อมาเขาขึ้นชก และสามารถล้ม แจ็ค แคร็คเกน ตั้งแต่ยกแรก ในปีนั้นเขาชนะ 12 ไฟต์และชนะน็อค 10 ไฟต์ และกลายเป็นนักมวยที่ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : อนิเมะ , UFABACCARAT
อ่านเพิ่มเติม => นักมวยปล้ำในตำนาน