นักชกชาวยูเครน สายเลือดของความเป็นนักสู้ ทำไมชาตินี้ถึงมีนักมวยเก่ง?
นักชกชาวยูเครน อย่างที่เราทราบกันดีว่า สงครามระหว่างรัซเซีย-ยูเครนได้ปะทุขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ในช่วงเดือนมีนาคม หลังจากนั้นมาก็มีนักกีฬาต่อสู้มากฝีมือหลายคนที่เป็นชาวยูเครน เลือกทิ้งชีวิตสุขสบายและร่ำรวย ก้าวออกมาจากสังเวียนผืนผ้าใบ เพื่อไปจับปืน เข้าร่วมกับกองทัพต่อต้านกองทัพรัสเซียที่บุกรุกรานประเทศของพวกเขา ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนทั่วโลก
แต่ทว่าทุกคนในประเทศยูเครนกลับมองว่ามันคือเรื่องปกติ เพราะโดยธรรมชาติของชาวยูเครน เลือดนักสู้ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่เกรงกลัวต่อสงคราม และยิ่งถ้าหากเราย้อนมองถึงประวัติศาสตร์จะพบว่า สงครามคือสิ่งที่อยู่คู่กับชาวยูเครนมาตลอด นั่นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักกีฬามวยของยูเครนถึงพร้อมที่จะเป็นนักรบปกป้องประเทศชาติ
ภูมิหลังของ นักชกชาวยูเครน และรัสเซียแทบทุกคน ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีความเกี่ยวข้องกับทหาร เพราะประเทศแถบนี้เป็นประเทศที่มีพรมแดนที่มีความไม่มั่นคง มีเหตุให้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดนหรือกลุ่มกบฏอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นจากเหนือจรดใต้ ทหาร ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศนี้ในแทบทุกพื้นที่ นักมวยยูเครนที่มีชื่อเสียง
ด้วยความที่ในประเทศมีทหารมากและประเทศไม่ได้มั่งคั่งนัก สวัสดิการของทหารจึงไม่ได้มีผลตอบแทนมากมายเหมือนกับการเป็นได้เข้าไปเป็นทหารในสังกัดของทัพอเมริกา แต่ที่ยูเครนพวกเขาก็มีสวัสดิการในแบบของเขา และหนึ่งในนั้นคือการได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แทบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น มวยสากล หรือ แซมโบ้ (ศิลปะการป้องกันตัวแบบมือเปล่า)
เหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพวกเขาถูกฝั่งมาด้วยชุดความคิดที่ว่า ประเทศของพวกเขาคือมหาอำนาจ ด้วยความเป็นประเทศที่แยกมาจากสหภาพโซเวียต จึงมีชุดความคิดเดิมหลงเหลืออยู่ ทำให้พวกเขามีความรักชาติมาก ๆ ภูมิใจในทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและการใช้อาวุธ เพราะมันแสดงออกถึงความเป็นชายชาตรีที่เก่งกาจ
เมื่อเหล่าทหารกล้าเหล่านี้มีลูกชาย ส่วนใหญ่ก็ไม่พลาดที่จะส่งลูกชายเข้าเรียนหนังเสือ และเรียนวิชาการต่อสู้ ที่เป็นหนึ่งในสวัสดิการของกองทัพไปโดยปริยาย โดยสวัสดิการนี้ได้สร้างยอดมวยหลายคนทั้ง ไม่ว่าจะเป็น สองพี่น้องคลิทช์โก (วิตาลี และ วลาดิเมียร์) โอเล็กซานเดอร์ อูชิค และ วาซีล โลมาเชนโก้ ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขากัน
วาซิลี โลมาเชนโก นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ ชาวยูเครน
วาซิลี โลมาเชนโก นักมวยยูเครน อดีตแชมป์โลกรุ่นไลต์เวตและเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกปี 2008 และ 2012 เป็น นักชกชาวยูเครน ที่จับอาวุธเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อยูเครน ช่วยชาติบ้านเกิดสู้รบการรุกรานจากรัสเซีย เขาเป็นอีกหนึ่ง นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์
สำหรับ วาซิลี โลมาเชนโก เจ้าของสถิติการชก 18ครั้ง ชนะ 16 (ชนะน็อก 11) แพ้ 2 เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวต และรุ่นจูเนียร์ไลต์เวต ขององค์กรมวยโลก (WBO) รวมถึงรุ่นไลต์เวตของ WBO และสมาคมมวยโลก (WBA) ก่อนสลัดคราบนักมวยบนสังเวียน มาสวมชุดทหารถือปืนสู้ศึกในสมรภูมิรบจากกรณีพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
เขาเป็นนักมวยที่ครบเครื่องมาก หากว่าใครได้เคยเห็นลีลาของเขาบนสังเวียน และในความครบเครื่องนี้มีความลับของนักกีฬายุคใหม่ซ่อนอยู่ เพราะความใจสู้อย่างเดียวไม่พอและนั่นทำให้ โลมาเชนโก มองหาศาสตร์ที่จะเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บของเขาให้มีความพลิ้วไหว หลบ ถอย รุก และมีพลังหมัดสามารถโป้งเดียวปิดบัญชีได้ ที่สำคัญสามารถยืนชกครบ 12 ยกได้แบบสบาย
โลมาเชนโกเริ่มต้นฝึกมวยอย่างจริงจังตั้งแต่เด็ก เขาขึ้นชกครั้งแรกตอนอายุ 4 ขวบ และตอนอายุ 6 ขวบ ก็สามารถวิดพื้นได้มากกว่า 100 ครั้งทั้งหมดนี้ทำให้เขาถูกจับขึ้นชกระดับสมัครเล่นในรุ่นจูเนียร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ลองคิดดูว่าทำไมเด็กอายุแค่นั้นถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมีพ่อผลักดัน
นอกจากมีพ่อที่เป็นครูคนแรกแล้ว โลมาเชนโกยังเป็นเด็กที่ให้ความนับถือ ไมค์ ไทสัน เป็นอย่างมาก เขาชอบในความดุดันของ ไอออน ไมค์ ผู้ซึ่งเป็น นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ และหวังว่าสักวันตัวเองจะต้องกลายเป็นฮีโร่ของชาติเหมือนกับที่ ไทสัน เป็นให้ได้ การฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็กทำให้โลมาเชนโกกลายเป็น นักมวยสมัครเล่นที่ดีที่สุดในประเทศยูเครน
เขาสามารถเอาชนะนักมวยทุกคนในประเทศได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี และกลายเป็นหัวหอกในการล่าเหรียญทองโอลิมปิกของประเทศ ยูเครน ตั้งแต่ ปี 2008 ที่ปักกิ่ง (รุ่นเฟเธอร์เวต) และปี 2012 ที่ลอนดอน (รุ่นไลต์เวต) โดยที่เขาทำสถิติไม่แพ้ใครเลยในโอลิมปิกทั้ง 2 ครั้งและคว้าเหรียญทองมาได้ทุกครั้ง จนถูกเรียกว่านักชกที่เหนือชั้นที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกเลยทีเดียว
สองพี่น้องคลิทช์โก ยอดนักชกชาวยูเครน วิตาลี คลิทช์โก, วลาดิเมียร์ คลิทช์โก
วิตาลี คลิทช์โก และ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก สองพี่น้องอดีตตำนานกำปั้นโลกรุ่นยักษ์ชาวยูเครน นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ เข้าร่วมกับกองกำลังป้องกันดินแดนเดินหน้าในสมรภูมิสงครามด้วยการมุ่งสู่แนวหน้าเพื่อป้องกันการบุกของ รัสเซีย ที่ได้รับคำสั่งให้บุกยึดเมืองเคียฟ โดย วิตาลี คลิทช์โก้ คนพี่ อดีตแชม์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตวัย 50 ปี ปัจจุบันมีตำแหน่งการเมืองเป็นถึง นายกเทศมนตรีเมืองเคียฟ
ส่วนคนน้อง วลาดิเมียร์ คลิทช์โก ผู้มีฉายา “Dr.Steelhammer” ผ่านการชกมวยสากลสมัครเล่นมาอย่างโชกโชนกว่าผู้เป็นพี่ เคยคว้าแชมป์มวยระดับจูเนียร์ของทวีปยุโรป ในรุ่นเฮฟวี่เวท และเคยประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าเหรียญทองในรุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ค.ศ. 1996 ที่แอตแลนตา สหรัฐ
สำหรับ วิตาลี คลิทช์โก ในสมัยเป็น นักชกชาวยูเครน มีสถิติการชก 47ครั้ง เป็นการชนะ 45 ไฟต์ (ชนะน็อก 41 ครั้ง) และแพ้เพียงแค่ 2ครั้ง ขณะที่ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก น้องชายมีสถิติการชก 69ครั้ง ชนะ 64 ไฟต์ (ชนะน็อก 53 ครั้ง) และแพ้ 5 ครั้งซึ่งประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกสถาบันหลักด้วยกันทั้งคู่
ชีวิตในวัยเด็กทั้งสองถูกผู้เป็นพ่อ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก ที่เป็นนายพันของกองทัพโซเวียต เลี้ยงลูกปลูกฝังแบบสมฉายาชายชาติทหาร เขาสอนให้ลูกชายทั้ง 2 รักประเทศให้มากเท่าชีวิต และให้เรียนสูงเพื่อเป็นบุคลากรแถวหน้าของประเทศ และยังสอนให้รู้จักศิลปะการต่อสู้ต่างๆแบบที่กองทัพโซเวียตฝึกกันอีกด้วย ดังนั้น 2 พี่น้อง คลิทช์โก้ จึงเติบโตมาในฐานะเยาวชนระดับคุณภาพของประเทศเลยทีเดียว
เมื่อร่างกายเติบโตและเริ่มแข็งแรงขึ้น 2 พี่น้องคลิทช์โก ก็ถูกส่งไปยังโรงเรียนกินนอนภายใต้การดูแลของกองทัพและมีจุดประสงค์ในการสร้างนักกีฬาเพื่อไปประกาศความยิ่งใหญ่ของโซเวียต ในการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งกีฬาโอลิมปิกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีกลิ่นอายของความเป็นสงครามเย็น มันคือการประกาศชัยชนะของ 2 อภิมหาอำนาจ
สองพี่น้อง คลิทช์โก้ มีไฟในตัวเต็มเปี่ยม มีเลือดทหารจากพ่อ มีความทะเยอทะยานที่จะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ พวกเขาเป็นเด็กที่แกร่งที่สุดในแผนกกีฬามวยสากล ด้วยร่างกายที่ใหญ่ถึง 2 เมตรด้วยกันทั้งคู่ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก ที่แข็งแกร่งกว่าใคร เอาจริงเอาจังมาก แม้ว่าจะเป็นการลงนวมฝึกก็ชกขจริงจังเพื่อชัยชนะแบบเด็ดขาด ทั้งสองจึงกลายเป็นนักกีฬามวยสากลของกองทัพตั้งแต่อายุ 17 ปี
หลังจากถูกส่งตัวไปที่สหรัฐอเมริกา พี่น้องคลิทช์โก้ก็กลายเป็นนักมวยที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากต่อ วงการมวยโลก เนื่องจากทำสถิติชนะรวดโดยไม่มีแพ้ ไม่มีเสมอมาตลอด ในภาพลักษณ์มวยผิวขาวที่หมัดหนักรูปร่างสูงใหญ่ทั้งคู่
โดยคนพี่ทำสถิติชนะน็อกรวดมาตลอดถึง 24 ครั้งด้วยกัน ก่อนที่จะขึ้นเป็นแชม์โลกครั้งแรกในสถาบัน องค์กรมวยโลก (WBO) ด้วยการเอาชนะน็อก เฮอร์บี ไฮด์ นักมวยชาวอังกฤษ ได้ถึงถิ่นของแชมป์โลก ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในยกที่ 2 เท่านั้นเอง
โอเล็กซานเดอร์ อูชิค นักชกชาวยูเครน แชมป์โลกไร้พ่าย รุ่นเฮฟวีเวท
โอเล็กซานเดอร์ อูชิค อีกหนึ่ง นักชกชาวยูเครน ที่เข้าร่วมกองทัพเพื่อต่อกรกับรัสเซีย เขาเป็นนักมวยสากลในพิกัดรุ่นเฮฟวีเวตชาวยูเครน ที่ได้รับยกย่องว่าเป็น นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ ผู้เป็นเจ้าของแชมป์โลก 4 สถาบัน และยังไม่เคยแพ้สักครั้ง อูชิคเกิดในปี 1987 ครอบครัวของเขามาจากตอนเหนือของประเทศยูเครน แน่นอนว่าพ่อของเขามีอาชีพเป็นทหารและเคยร่วมรบในสงครามที่อัฟกานิสถานมาแล้ว
ก่อนที่พ่อของเขาจะเข้ามาประจำการในเขตพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างไครเมีย อูชิคเติบโตมากับระบบสวัสดิการของกองทัพ ได้รับทั้งการศึกษาและเรียนรู้เรื่องกีฬา เริ่มแรกอูชิคเล่นฟุตบอลและเคยเป็นอดีตนักเตะเยาวชนของสโมสร SC ทราวิยา ซิมเฟโรปอล ก่อนที่ในช่วงอายุ 15 ปีเขาจะเริ่มหัดชกมวยสากล และได้แสดงฝีมือออกมา
จากการได้เข้าไปอยู่ในสถาบัน Lviv State University of Physical Culture มหาวิทยาลัยที่เชี่ยวชาญด้านการศึกษาด้านกีฬาเฉพาะทาง เรียกได้ว่าเป็นสถาบันที่ประสิทธิ์ประสาทวิชามวยให้กับอูชิคเป็นอย่างดี เพราะสถาบันนี้รับแต่นักกีฬาหัวกะทิเท่านั้น ใครที่ได้เข้ามาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทั้งด้านการศึกษาการฝึกซ้อมอย่างมืออาชีพ เลยอาจเหตุผลที่ทำให้อูชิคมีร่างกายใหญ่โตที่สูงถึง 191 เซนติเมตร
ในฐานะนักมวยสากลมือสมัครเล่น เขาได้รับรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2011 และโอลิมปิก 2012 ในเฮฟวี่เวท เทิรนโปรในปี 2013 และได้รับรางวัลแชมป์ครุยเซอร์เวท ในปี 2018 ถึง 3 รายการ
อูชิคเป็นนักมวยชายที่ได้ถือเข็มขัดของ WBA, WBC, IBF และ WBO เขายังเป็นนักมวยคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำได้ หลังจาก Crawford, Jermain Taylor, Bernard Hopkins และ Cecilia Brækhus ที่เคยทำได้ เขาเป็น นักมวยสากลอาชีพ ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องความเร็วในการคว้าแชมป์โลก
อูชิคของจริงในรุ่นเฮฟวี่เวท คว้าเข็มขัดแชมป์โลก 3
ยอดมวยชาวยูเครนขยับขึ้นมาชกในรุ่นยักษ์อย่างเฮฟวี่เวท แม้จะเสียเปรียบรูปร่าง หลังจากคว้าเข็มขัดแชมป์โลก 3 เส้นของ WBA (ซูเปอร์แชมป์), IBF และ WBO จากนักชกรุ่นยักษ์ชาวอังกฤษอย่าง แอนโธนี่ โจชัว เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ยอดมวยยูเครนรายนี้ย้ำแค้นเอาชนะแอนโธนี่ โจชัวไปอีกในไฟต์แก้มือ
โดยชกกันที่กรุงเจดดาห์ ซาอุดิอาระเบีย อูซิกนั้นเสียเปรียบความสูงถึง 3 นิ้ว เสียเปรียบช่วงชก 4 นิ้ว และน้ำหนักเบากว่าถึง 23 ปอนด์ หรือร่วมๆ 10 กิโลกรัม แต่อาศัยฟุตเวิร์กที่คล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ทั้งจังหวะเข้าออก จังหวะวนไปรอบๆ นอกจากนั้นยังขยันออกหมัดแถมหลบหมัดของโจชัวได้เยอะ มียก 9 ที่นักชกอังกฤษพยายามเร่งเครื่อง ไล่บี้จนอูซิกโดนหนัก ๆ
แต่นักชกยูเครนทนได้ แถมพอยก 10-11-12 อูซิกเร่งเอาคืนบ้าง ออกหมัดได้น้ำได้เนื้อ ครบยกอูซิกป้องกันเข็มขัดทุกเส้นไว้ได้ แถมเพิ่มเข็มขัด “สายตรง” ของสถาบัน “เดอะ ริง” มาอีกเส้น ด้วยการชนะคะแนน 2-1 เสียงจากกรรมการสามท่าน 116-112, 115-113 และ 113-115 หลังการชกมีดราม่าเล็ก ๆ เมื่อนักชกอังกฤษเดินลงจากเวทีไปแล้ว หวนกลับขึ้นมาบนเวทีใหม่
คว้าเข็มขัดซูเปอร์แชมป์ของ WBA และเข็มขัดของ เดอะ ริง ไปจากมืออูซิก แล้วโยนทิ้งลงจากเวที แถมไปตะคอกใส่หน้านักชกยูเครนว่า “นายเล็กกว่าฉันเยอะ ชนะฉันได้ไง” และซ้ำว่า “นายมันชกเก่ง ฉันยอมรับ แต่ฉันแข็งแรงกว่าเยอะ” แล้วคงรู้สึกตัวไปคว้าไมโครโฟนมาพูดยกย่องอูซิกว่าเป็นยอดมวย ชกเก่งมาก แต่ก็ยังออกตัวอีกว่าตัวเองไม่ใช้นักชกที่ชกเกมยาวได้
แถมยังรำพันถึงชีวิตที่ลำบากของตัวเองอีกชุดใหญ่ ก่อนจะได้สติด้วยการยกย่องอูซิก และให้แฟนๆ ในสนามปรบมือให้อูซิก งานนี้ “เอเจ” โดนถล่มเละว่าทำอะไรไม่เข้าท่า ส่วนอูซิกงานนี้ได้รับการยกย่องไปเต็มๆ เพราะโชว์ทั้งทักษะที่ยอดเยี่ยม โชว์ความใจสิงห์ยืนซดกับมวยใหญ่กว่าอย่างโจชัวอย่างไม่กลัว ความฟิตที่เหลือเฟือ น้ำหนักหมัดก็ไม่เบาทิ่มจนนักชกอังกฤษที่ใหญ่กว่าเยอะชะงักไปหลายหมัด เรียกว่าได้รับการยอมรับเต็ม ๆ
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : โหลดเกมส์
อ่านเพิ่มเติม => ยอดมวยไทยที่แข้งหนักที่สุด