ชาโด้ สิงห์มาวิน

“ชาโด้ สิงห์มาวิน” ยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก แชมป์เวลเตอร์เวต เวทีราชดำเนิน

กลายเป็นหนึ่งใน นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ อีกคนของวงการหมัดมวยบ้านเราในปัจจุบัน สำหรับ “ชาโด้ สิงห์มาวินยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก ที่สามารถคว้า แชมป์เวลเตอร์เวตของ เวทีราชดำเนิน ด้วยวัยเพียง 22 ปี แม้ว่าจะไม่ได้ลงสังเวียนมาร่วมปี แต่เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งที่ก่อนขึ้นชกก็มักจะโดนคำสบประมาทต่าง ๆ

แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนคำดูถูกเหล่านั้น ให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนตัวเอง เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เป็นเด็กบ้านนอก ก็สามารถเป็นแชมป์ได้ ถ้าฟิตซ้อมอยู่เสมอ เพื่อต่อสู้ให้ได้แชมป์ เพราะต้นทุนไม่ใช่ข้ออ้าง ชาโด้ สิงห์มาวิน มีชื่อเต็มว่า “วีรภัทร ปรีชา” ชื่อเล่น “เอ็ม” เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ลำบาก แม้แต่บ้านก็ไม่มีเป็นของตัวเอง อยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง

ลำบากชนิดที่ว่า ช่วง ป.3 เขาต้องเข้าป่าไปหาเห็ดมาขายกับครอบครัว นอนกลางป่ากลางเขาบ้าง ผูกเปลบ้าง ถ้าเกิดไม่มีเปลก็เอาถุงปุ๋ยปูกับพื้นและนอนข้างกองไฟ ไม่ว่าจะเป็นงานหนักแค่ไหน ขุดหัวมัน ถางหญ้า หากเปลี่ยนเป็นเงินเข้าบ้านได้เขาก็จะทำ โดยมีแม่เป็นคนสอนทำงานทุกอย่าง

เพื่อให้ออกไปทำงานแบ่งเบาภาระครอบครัว จะเห็นได้ว่าชีวิตในช่วงวัยเด็กของเขาลำบากมาก แต่ชาโด้เองก็เหมือนเด็กทั่วไป ที่อยากมีของแบบคนอื่น ๆ เขาบ้าง ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ได้กล่าวกับเขาสั้น ๆ ว่า “ถ้าอยากมี ก็ต้องสร้างเอง” ประโยคนั้นก็ได้เป็นคติสอนใจ จนอยู่มาถึง ป.6 เส้นทางมวยก็ได้เริ่มต้นขึ้น

จากการที่รุ่นพี่ของเขา ชวนไปซ้อมมวยด้วยกัน โดยพื้นฐานที่เจ้าตัวเป็นเด็กชอบการต่อสู้อยู่แล้ว หลังจากนั้นมาก็ได้ขึ้นชกครั้งแรกตามเวทีมวยภูธร สาเหตุที่เขาตัดสินใจชกมวย เพราะอยากได้เงินมาช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ช่วยแม่ และช่วยส่งน้องเรียนหนังสือ เจ้าตัวรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่สามารถทำให้น้องและแม่มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นคู่เอกในรายการมวย

ชกมวยเพื่อครอบครัว เส้นทางลูกผู้ชาย ของเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง

หลังโชว์แม่ไม้มวยไทย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตามเวทีต่าง ๆ ทั้งในงานวัดและเทศกาล ตลอดจนได้เป็นคู่เอกในเขตภูธร ก็ได้รับโอกาสโยกย้ายมาเดินสายครั้งแรกที่จังหวัดสิงห์บุรี กับค่าย อ.วันเชิด ทำให้ ยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก ได้โอกาสเรียนรู้วิชามวยกับคนในค่ายอย่างจริงจัง

จุดเปลี่ยนชีวิตก็มาถึงเมื่อวันหนึ่งอาจารย์วันเชิด พาเขาไปชกครั้งแรกที่ เวทีมวยราชดำเนิน ซึ่งไฟต์แรกที่ชกผลก็ไม่ได้ออกมาเป็นดั่งใจหวัง เขาแพ้ในการชกครั้งแรกกับเวทีในกรุงเทพที่ได้เจอกับ นักชกแตกต่างจากนักมวยต่างจังหวัด อย่างที่เคยชกด้วยกันมา ถึงแม้ว่าเขาจะพ้ายแพ้ไป แต่เขาใจก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อเลือกเดินมาในเส้นทางนี้แล้ว

คำว่ายอมแพ้คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะเลือกใช้ ชาโด้ได้เรียนรู้วิธีดูแลร่างกายตัวเองให้ดี อย่างการทำน้ำหนัก การกินอาหารให้ครบห้าหมู่ การนอนหลับเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เป็นต้น เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นไประดับอาชีพ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงการมวย ภายใต้การดูแลของค่ายมวยสวนอาหารปีกไม้ ณ ช่วงเวลานั้น

หลังจากแยกย้ายกับค่ายเก่า ด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ก็ทำให้วงการมวยต้องหยุดชะงักไป เนื่องจากจัดการแข่งขันไม่ได้ ทำให้ นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ กลายเป็นคนว่างงาน จากที่ไม่ได้ชกมาสักพัก เงินในบัญชีก็หมด เขาจึงต้องออกไปหาอาชีพเสริมประคองชีวิต ด้วยการไปเป็นช่างไฟฟ้าหรือช่างแอร์ พอมีเวลาวันหยุดก็เข้าป่าหาของมาขาย

ทว่า ยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก ก็ยังไม่เคยลืมความฝัน เขายังคงออกไปวิ่งและซ้อมทุกวันเพื่อรอโอกาสที่จะกลับไปขึ้นชก สุดท้ายได้คำแนะนำจากพี่ที่ชาโด้เคารพรักเหมือนกับพ่อ ให้ลองมาอยู่ค่าย “สิงห์มาวิน”

เขาก็เชื่อพี่อย่างไม่ลังเลกับการมาเริ่มใหม่ จนทำให้ระเบิดฟอร์มเก่ง ฝีมือก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งอาวุธหนัก หมัด ศอก เข่า เรียกว่าครบเครื่องจากเด็กบ้านนอกสู่นักมวย แชมป์เวทีมวยราชดำเนิน

ใช้ “คำสบประมาท” เป็นแรงขับเคลื่อนจนคว้าเข็มขัดแชมป์ราชดำเนินสำเร็จ

รู้หรือไม่ว่า ชาโด้ สิงห์มาวิน เคยเกือบแขวนนวม อำลาวงการมวยไทย เพราะจะไปเป็นครูสอนมวยที่ประเทศจีน ในตอนที่ยังอยู่กับต้นสังกัดเก่า สวนอาหารปีกไม้ เพราะเขามีปัญหากับทางต้นสังกัดเก่า แถมพอเคลียร์ทุกอย่างลงตัว และได้ย้ายมาอยู่ใต้สีเสื้อใหม่อย่าง สิงห์มาวิน ที่ทุกอย่างทำท่าคล้ายว่ากำลังจะดี แต่กลับไม่ใช่ เพราะเขาต้องรอขึ้นชกมานานมาก

แล้วก็เกิดเหตุผิดพลาดทำให้ไม่ได้ชกกับใครเลย แถมเงินในบัญชีก็ร่อยหรอ แต่ไฟในตัวของเขาก็ยังลุกโชน ยิ่งไฟต์ถัดมาที่เขากำลังจะได้ขึ้นชก มีเข็มขัดแชมป์เวทีมวยราชดำเนินเป็นเดิมพัน ทำให้ นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ ผู้นี้เกิดความกระหายที่จะเป็นแชมป์ให้สำเร็จ เขาเลยฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อไฟต์นี้ ยิ่งตลอดชีวิตเขายังไม่เคยเป็นแชมป์รายการอะไรมาก่อน นี่คือโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียง

แต่เพราะว่าตลอดที่ผ่านมา ชาโด้ สิงห์มาวิน ห่างหายเวทีไปนาน และยังไม่เคยเป็นแชมป์มากก่อน แถมยังเจอกับคู่ชกที่ฟอร์มสด เป็นนักชกต่างชาติมีความแกร่ง อาวุธอันตรายอย่าง โลโบ้ ภูเก็ตไฟต์คลับ ยิ่งทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย แฟนมวยต่างพากันสงสัยว่า ชาโด้จะสู้ไหวหรือไม่ จะเร่งเครื่องไหวไหม จะมีอาการแผ่วออกมาใน 3 ยกแรกหรือเปล่า ซึ่งนับว่าไฟต์ที่น่าอึดอัดสำหรับชาโด้

ทว่าเมื่อถึงวันแข่งทุกคนกลับต้องตะลึง แม้ว่าโลโบ้จะโดนศอกของ ยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก ไปหลายชุดอย่างไม่มีสะเทือน แต่ชาโด้ก็ยังใจเย็นไม่เปิดเกมรุกเต็มอัตรา ก่อนปล่อยหมัดชุดไปในยกที่ 4 แลกเลือดกันทั้งคู่ ปรากฎว่าศอกของชาโด้เล่นงานโลโบ้จนเสียอาการ และยกสุดท้ายโลโบ้ก็ไล่ไม่ทัน จบเกมไปด้วย ชาโด้ เอาชนะ โลโบ้ไปได้ คว้าเข็มขัดเส้นแรกในชีวิต กลายเป็น แชมป์เวทีมวยราชดำเนิน

มี “บัวขาว บัญชาเมฆ” เป็นไอดอล, แมตซ์ประทับใจ และเป้าหมายในอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “บัวขาว บัญชาเมฆ” คือมวยขวัญใจมหาชนชาวไทย รวมถึงเป็นแบบอย่างให้กับ มวยรุ่นหลัง ๆ อย่าง ชาโด้สิงห์มาวิน ยอดมวยบู๊จากจังหวัดตาก อีกด้วย โดย นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ ผู้นี้เล่าว่า

“ผมดูพี่บัวขาวชกในทีวีตั้งแต่ยังไม่หัดชกมวยด้วยซ้ำ มีพี่เขาเป็นไอดอล ทั้งลีลาทักษะการชกที่ครบเครื่อง ดุดัน แข็งแกร่ง เอนเตอร์เทนคนดู เหมือนสะกดให้ทุกคนจ้องมองมาที่เขาเมื่ออยู่บนเวที ซึ่งทุกวันนี้ผมก็อยากทำให้ได้แบบพี่บัวขาว”

ไฟต์ประทับใจมากที่สุด เป็นการพบกับ “โลโบ้ ภูเก็ตไฟต์คลับ” เพราะเจ้าตัวโดนคำดูถูกมากมาย ว่าร้างเวทีมานาน ว่าฝีมืออาจไม่เหมือนเดิม ซึ่งคำพูดเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ให้เขาตั้งใจฟิตซ้อมอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เด็กบ้านนอกคนนี้ ยังมีไฟอยู่เสมอ และ นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ ก็คว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิตให้กับตัวเองในเวทีอันทรงเกียรติ

เป้าหมายต่อไปอยากจะคว้าแชมป์รายการ “RWS Rajadamnern World Series” มาให้ได้ และหากมีโอกาสให้อนาคตอยากจะเดินตามรอยรุ่นพี่อย่างบัวขาว โกอินเตอร์ไปต่อยที่ต่างประเทศดูสักครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยถ้าตั้งใจ ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก

และแล้วเขาก็ทำได้ด้วยการคว้าเข็มขัดแชมป์เวลเตอร์เวท รุ่น 147 ปอนด์ รายการ ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ หลังจากนั้น

ชาโด้ สิงห์มาวิน

“ชาโด้ สิงห์มาวิน” นักมวยยอดกตัญญู สู่แชมป์ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ 2022, มีแม่เป็นพลังพิเศษทางใจ

สมยง สีด้วง คุณแม่ของ ชาโด้ สิงห์มาวิน เล่าความรู้สึกในวันที่ลูกชายคว้าเข็มขัดแชมป์เวลเตอร์เวท รุ่น 147 ปอนด์ รายการ ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ (RWS 2022) พร้อมรับเงินรางวัล 1 ล้านบาทมาครองได้สำเร็จว่า

“ตอนแรกพยายามเก็บอารมณ์ไม่ร้องไห้ พอคนเขาวิ่งมาพูด แม่ได้แล้ว โด้ได้บ้านแล้ว คำว่า ‘บ้าน’ ที่ทำให้แม่ร้องไห้ โด้สร้างบ้านให้แม่ได้แล้ว ก็ปล่อยเลยไม่สนใจแล้ว ไม่อายด้วย มันภูมิใจด้วย เราก็บอกไม่ถูกจากคนที่ไม่เคยมีบ้านมาถึงจุดนี้ได้ ก็ภูมิใจกับลูกเหมือนกัน”

ชาโด้เล่าประสบการณ์ว่าขึ้นเวที 4 ไฟต์แรก เคยแพ้กลับมาทุกครั้ง แม่สมยงน้ำตาไหลด้วยความเป็นห่วงมาตลอด บอกให้พอไม่อยากให้ลูกเจ็บตัว แต่ด้วยใจนักสู้ ชาโด้ต่อรองว่า ถ้าไฟต์ต่อไปไม่ชนะ เขาจะเลิกชก

ปรากฏว่า ผลการแข่งขันไฟต์ที่ห้า ชาโด้ชนะน็อกและเริ่มสะกดคำว่า แพ้ไม่เป็นมาตั้งแต่นั้น วงการมวยไท จึงมีโอกาสเห็นฝีไม้ลายมือของนักมวยระดับแชมป์คนนี้มาจนทุกวันนี้

สำคัญที่สุดคือ ความเป็น นักมวยยอดกตัญญู ภาพประทับใจหลังจากที่ชาโด้ได้แชมป์ครั้งแรก บนเวทีราชดำเนิน จนถึงวันที่ได้แชมป์ RWS ในเวทีราชดำเนินพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์เวทีมวยไทยมาตรฐานแห่งแรกของโลก ยังคงเป็นภาพเดียวกัน

นั่นคือภาพ นักมวยไทยรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือความสามารถ ที่สะพายเข็มขัดแชมป์อยู่กับไหล่ก้มลงกราบเท้าแม่ ขณะที่แม่ก็สวมกอดลูกชายทั้งน้ำตาด้วยความภูมิใจและดีใจกับความสำเร็จของลูก

“เวลาแม่ถามผมว่าเหนื่อยมั้ย ผมตอบเขากลับไปว่า ไหว ทั้งที่จริงแล้วผมเหนื่อยสายตัวแทบขาด”

นี่คือคำพูดจากปากเด็กหนุ่มที่อยากให้แม่สบายใจ เพราะเกิดมาจากความลำบากจึงต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เขากล่าวว่าวันหนึ่งหากเขามีค่าตัวเป็นแสน เขาจะพาแม่ไปทุกที่ที่ทำให้แม่มีความสุข เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา แม่คือกำลังใจที่ดีที่สุดในชีวิตและคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ หากไม่มีแม่ ก็ไม่มีเขาในวันนี้

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจ : ดูบอล

อ่านบทความเพิ่มเติม => นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย