จอห์นเวย์นพาร์ เจ้าตำนานชาวออสซี อดีตแชมป์มวยไทยรุ่นมิดเดิลเวท จากค่ายมวยบุญชูยิม
จอห์นเวย์นพาร์ “Gunslinger” เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1976 ยังเป็นที่รู้จักในชื่อย่อ “JWP” เขาเป็น นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย ชกในพิกัดรุ่นมิดเดิลเวท จากค่ายมวยบุญชูยิม ในโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ โดยเขาเป็นถึงแชมป์โลก 8 สมัย และเป็นรองผู้ชนะของรายการ เดอะ คอนเทนเดอร์เอเชีย เรียกได้ว่าเป็นนักมวยไทยชาวต่างชาติที่โลดแล่นอยู่ในวงการมวยไทยบ้านเรามานาน หากว่าใครที่เป็นคนติดตามมวยไทย
จะรู้ว่า จอห์นเวย์นพาร์ ยังเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน มวยไทยชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ (อังกฤษ: Kings Cup (Super 8 Tournament)) ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นการแข่งขันมวยไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ของไทย โดยมีการจัดการแข่งขันขึ้นที่สนามหลวง ในกรุงเทพ
สำหรับ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย คนนี้มีประสบการณ์ในการชกมวยไทยมานานมาก เขาเริ่มเข้าสู่ วงการมวยไทย มาตั้งแต่ปี 1995-1996 ตอนที่เขาได้ย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ตามฉบับชาวต่างชาติที่อยากเดินทางมาหาประสบการณ์ชีวิต หาอะไรใหม่ ๆ และด้วยเนื่องจากที่เขาเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะป้องกันตัวอยู่แล้ว ในยุคสมัยนั้นมวยไทยเริ่มกลายเป็นที่รู้จักในสายตาชาวต่างชาติ
ซึ่งก็ไม่แปลกที่พาร์จะสนใจมวยไทยเหมือนกัน หากจะให้เล่าถึง ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ จุดเริ่มต้นของการเป็นนักสู้ ต้องพาย้อนไปเมื่อตอนที่เขาอายุ 11 ปี ตอนนั้นพาร์เริ่มฝึกเทควันโด และพอเขาโตขึ้นช่วงนั้นครอบครัวก็ต้องย้ายที่อยู่บ่อยมาก และแม่ของเขาช่วยให้เขาได้พบกับโรงยิมใหม่ทุกครั้งที่ทำการย้าย เพื่อให้ลูกชายของเธอได้รับการฝึกฝน
เธอเป็นแม่ที่ดีมากสำหรับพาร์ เมื่อเขามีอายุสิบหกปี ครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายกลับคืนสู่รัฐควีนส์แลนด์ และจอห์นก็ได้เริ่มฝึกฝนกับ แบลร์ มัวร์ ซึ่งมัวร์เป็นหนึ่งในโปรโมเตอร์ชั้นนำของควีนส์แลนด์ด้าน มวยไทย หลังจากนั้นมา เขาก็ได้เจอทางที่เขาชอบ ซึ่งนั่นก็คือ มวยไทย นั่นเอง
บินข้ามน้ำมาไทยเพื่อฝึกวิชา การเก็บเกี่ยววิชาของ จอห์นเวย์นพาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย
หลังจากเข้ายิมฝึกฝนอยู่กับ แบลร์ มัวร์ มาได้หนึ่งปี มัวร์ก็ได้อัดเต็มวิชาแม่ไม้มวยไทยให้แก่จอห์นไว้เป็นอาวุธสำหรับการต่อสู้ในศึก 13 นัด ซึ่งในตอนนั้นจอห์นที่อายุ 17 ปี ก็ได้เริ่มต้นขึ้นชกในรายการมวยของออสเตรเลีย ในพิกัด 63 กิโลกรัม และเขาก็ได้แสดงทักษะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการน็อกโดยเทคนิค เหนือ สก็อตต์ เลิฟล็อก ในรายการเซาธ์แฟซิฟิคขณะมีอายุได้ 19 ปี
ต่อมาจอห์นได้พบกับ ริชาร์ด เวลล์ เจ้าของร้านอาหารไทยธีมมวยไทยที่มีชื่อว่า บุญชูอาหารไทย ดูเหมือนว่าพาร์จะหลงใหลในอาหารไทยและวัฒนธรรมไทยเข้าให้ จึงทำให้เขาชอบที่จะมาที่ร้านอาหารแห่งนั้น ความที่ไปมาหาสู่กันบ่อย ริชาร์ดและจอห์นก็เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์แบบพ่อลูกขึ้น หลังจากที่รู้จักกันมาเป็นปี ๆ ริชาร์ดก็สนับสนุนจอห์นให้ไปฝึกมวยไทยที่ประเทศไทย
ในปี 1996 จอห์นได้ย้ายไปที่ประเทศไทย ที่พัทยาและฝึกฝนอยู่ที่ ค่ายศิษย์ยอดธงยิม หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่นนทบุรีและกรุงเทพมหานคร เพื่อฝึกมวยกับ นักมวยไทยระดับตำนาน อย่าง แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์ ฉายา “จอมจุมพิต , จุมพิตพิฆาต” และเป็นครั้งที่จอห์นอยู่ในค่ายมวยลูกมิ่งขวัญเขาก็ได้รับชื่อ “จอห์นเวย์นพาร์” ตามภาพยนตร์ตะวันตกหนังคาวบอยของ จอห์น เวย์น แน่นอนว่านี่คือที่มาของฉายา “Gunslinger” อีกด้วย
หลังจากที่ใช้เวลาฝึกฝนอยู่ในค่ายมวยไทยราวสี่ปี ทั้งฝึกในพัทยาและกรุงเทพฯ เข้าร่วมการแข่งขันมวยไทยกว่า 30 ไฟท์ และชนะสองรายการระดับโลก ในระดับอาชีพของเขาที่ประเทศไทย เขาฝึกฝนอย่างเข้มข้นกับ นักมวยไทยระดับตำนาน ในช่วงที่เขาเป็นนักมวยในประเทศไทย เขาเลียนแบบท่าสิงห์ดวลปืนด้วยการชักปืนออกจากซองในตอนท้ายของการไหว้ครูก่อนการแข่งขัน
และนี่เองที่ดึงดูดสายตาประชาชนชาวไทย เขาเริ่มมีชื่อเสียงดังขึ้น กลายเป็นนักมวยชาวต่างชาติที่เป็นขวัญใจชาวไทย และยังได้รับการโหวต ชนะรางวัล นักมวยฝรั่งยอดเยี่ยม แห่งปี ใน ค.ศ. 1997 จากการต่อสู้ที่สนามมวยเวทีลุมพินีสามครั้ง กับวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งแรกของเขา
ใน 1999 จอห์นเวย์นพาร์ ได้ย้ายกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเปิดโรงยิมของเขาเองในชื่อ “บุญชูยิม” และเขาได้เริ่มต้นการแข่งขันชกมวยสากล
กลับออสเตรเลียพร้อมวิชามวยไทย พร้อมใช้ฟาดปากใน คิกบ็อกซิ่งของออสเตรเลีย
ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ หลังจากสั่งสมประสบการณ์มวยไทยและกลับไปที่บ้านเกิด ในวันที่ 29 มกราคม 1998 เขาได้เดบิวต์ในการแข่งขันเจอกับ ทิม ชานนอน ในกติกา 4 ยก และสามารถเป็นฝ่าย TKO ไปได้ในยกที่สอง วันที่ 25 เมษายน 1998 จอห์นได้เจอกับคู่ชกชาวญี่ปุ่น ทากะยูกิ โคฮิรุยมากิ ซึ่งเป็นฝ่ายกำปั้นแดนปลาดิบที่ชนะไปในทัวนาเมนต์ K-1 ด้วยคะแนนเอกฉันท์
ต่อมาในวันที่ 19 กันยายนในปีเดียวกัน เขาก็ได้เจอกับนักชกชาวญี่ปุ่นอีกคนชื่อว่า ทากะชิ อิโตะ เป็นนักมวยคิกบ็อกซิ่งมากประสบการณ์ ในรายการร่วมของ AJKF & MAJKF และแพ้ TKO ในยกที่ 2 เนื่องจากกรรมสั่งหยุด เพราะศีรษะของจอห์นศอกซ้ายแผลเปิดเลือดแตก ถึงแม้จะพ่ายแพ้แต่ใจของเขาก็ยังคงอยากต่อสู้ต่อไป เพราะเขารักการต่อสู้
การที่ จอห์นเวย์นพาร์ ได้เจอกับเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาได้ประสบการณ์บนสังเวียนมากขึ้น ส่งผลทำให้ไฟท์ต่อมาที่ได้เจอกับ เคนนิชิ โอกาตะ แชมป์มวยสากลยิงปืนทีมชาติญี่ปุ่น ชนะน็อคด้วยหมัดฮุกซ้ายในยกที่ 2 ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ
หลังคงก้าวไปเรื่อย ๆ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 1999 เขาเข้าร่วมการแข่งขัน “X-plosion series” เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นรายการส่งเสริมคิกบ็อกซิ่งของออสเตรเลียที่มีชื่อเสียง โดยต่อสู้กับ แดเนียล ดอว์สัน จอห์นเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนตัดสินเอกฉันท์หลังจาก 5 ยก
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2543 จอห์นเข้าร่วมแข่งขันในรายการ K-1 Queensland 2000 ซึ่งเป็นการแข่งขัน K-1 ครั้งแรกสำหรับเขา และต่อสู้กับ Scott Bannan เพื่อชิงแชมป์โลก ISKA มวยไทยในรุ่นมิดเดิลเวต เป็นไฟท์ที่มีผู้คนติดตามเพราะได้รับการขึ้นบนกระดานหน้าข่าวคิกบ็อกซิ่งของออสเตรเลีย
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน เขาขึ้นชกกับ โอโรโน่ ป.เมืองอุบล เพื่อชิงตำแหน่งมิดเดิ้ลเวตของ สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IMF) ที่ว่าง ในศึกวันเฉลิมพระชนมพรรษา ชนะคะแนนเอกฉันท์หลังครบ 5 ยก คว้าแชมป์โลกมวยไทยได้อีกสมัย
ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ กับเส้นทางอาชีพในมวยสากล
ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ ในปี พ.ศ. 2544 จอห์นได้หันเหความสนใจไปที่การชกมวยสากลอีกครั้ง หลังจากชัยชนะในการชกมวยติดต่อกัน 7 ครั้งตั้งแต่ปี 2541 เขาชกกับ Andriy Khamula เพื่อชิงตำแหน่ง มวยสากลของออสเตรเลีย ที่ว่างในรุ่นมิดเดิลเวต เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 เขาคว้าแชมป์โดย TKO ได้ในยกที่ 10 และได้รับเข็มขัดมวยสากลเป็นครั้งแรก
ในเดือนถัดมา วันที่ 17 สิงหาคม เขาท้าชิงแชมป์ IBF Pan Pacific รุ่นจูเนียร์มิดเดิ้ลเวต แต่แพ้ด้วยการตัดสินเอกฉันท์ หลังจากต่อยครบ 12 ยก เมื่อวันที่ 21 กันยายน เขาได้ท้าชิงตำแหน่งว่างของสมาคมมวยโอเชียนิก (OBA) ในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวตกับ ราชีด บาลอช และชนะ TKO ในยกที่ 5 ในวันที่ 24 ตุลาคม เขาต่อสู้กับเอียน แมคลอยด์ เพื่อป้องกันตำแหน่งระดับชาติของออสเตรเลีย แต่ แพ้ด้วยคะแนนเอกฉันท์
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เขาเข้าร่วมการแข่งขันคิงส์คัพในประเทศไทย และเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน มวยไทยชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ (Kings Cup (Super 8 Tournament)) ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นการแข่งขันมวยไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ของไทย โดยมีการจัดการแข่งขันขึ้นที่สนามหลวง ในกรุงเทพ
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2019 จอห์นเอาชนะ Anthony Mundine อดีตแชมป์โลกด้วยการตัดสินแยกด้วยคะแนน 96–93, 95–93 และ 94–95 หลังจากการแข่งขัน จอห์นประกาศแขวนนวมจากสังเวียนผ้าใบ เพราะปัญหาบาดเจ็บเกี่ยวกับร่างกายตรงสะโพก อย่างไรก้ตามถึงแม้เขาจะอำลาวงการมวยไปสามปี หลังจากนั้นเขาก็กลับมาชกมวยอีกครั้ง
ด้วยการเข้าร่วมแข่งขัน K-1 Oceania MAX 2002 และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้เจอกับคู่ชกที่น่ากลัวอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ (บัวขาว ป. ประมุข ในตอนนั้น) นักมวยไทยที่มีชื่อเสียง หลังจาก 3 ยกที่สูสี กรรมการให้คะแนนเสมอกัน ทำให้ต้องต่อยกยก หลังจากรอบต่อเวลา นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย แพ้จากการตัดสินแบ่งแต้ม ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ
เขาเอาชนะ Shane Chapman ด้วยการข้ามขวาในรอบรองชนะเลิศ แต่ Mike Zambidis พ่ายแพ้โดยเสียงข้างมากในการตัดสินของทัวร์นาเมนต์สุดท้าย ในปี พ.ศ. 2547 นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย ได้ขึ้นชกครั้งแรกกับองค์กร K-1 ในญี่ปุ่นกับดวน ลุดวิก โดยได้รับคะแนน นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย เข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้ายด้วยการชกครั้งแรกกับบัวขาว หลังจาก 3 ยกที่สูสี กรรมการให้คะแนนเสมอกัน ทำให้ต้องต่อยกยก
หลังจากรอบต่อเวลา จอห์น เวย์น แพ้จากการตัดสินแบ่งแต้ม ประวัติจอห์นเวย์นพาร์นักมวยไทยชาวต่างชาติ หลังจากการแข่งขันครั้งนั้นเขาก็ยังคงล่าการแข่งขันต่อไปเรื่อย ๆ ไม่จบอย่าง S1 Tournament World Champion Title เขาสามารถเก็บชัยชนะ 3 รายการในคืนเดียว
เมื่อรวมกับตำแหน่งนี้ เขาได้รับรางวัลหนึ่งล้านบาท (เทียบเท่าประมาณ 33,300 เหรียญสหรัฐ) และถ้วยรางวัลจาก ทักษิณ ชินวัตร นอกจากนั้นเขายังเคยคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมวยไทย WMC อันทรงเกียรติที่ว่าง ด้วยชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือ Alexandre Cosmo
ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย รองผู้ชนะของรายการ เดอะ คอนเทนเดอร์เอเชีย
ชื่อเสียงส่วนใหญ่ของจอห์นเพิ่มขึ้นจากรายการเรียลลิตี้โชว์ Contender Asia และในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2551 นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย ได้ขึ้นชกกับ ยอดแสนไกล ในสิงคโปร์เพื่อชิงตำแหน่ง The Contender Asia และเงินรางวัล 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ
การขึ้นชกในครั้งนั้นนอกจากจอห์นจะต้องสู้กับนักมวยไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ยอดมวยไทยตัวตึง การต่อสู้ในครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ที่สะเทือนอารมณ์สำหรับพาร์ เพราะเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขัน พ่อของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อีกทั้งภรรยาของเขาก็กำลังตั้งครรภ์ เขาพยายามยืนหยัดจากการน็อคสองครั้งในไฟท์ แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายแพ้จากการตัดสินของกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์
หลังจากนั้น จอห์นเวย์นพาร์ ก็ได้ขึ้นชกในศึก K-1 จอร์แดน ไท โดยต่อสู้ตามกฎกติกาของไทยในกรงแบบ MMA ด้วยถุงมือไร้นิ้ว ในเวลา 2:11 ของยกที่ 4 เขาน็อค Jordan Tai ด้วยอัปเปอร์คัทที่ร้ายกาจ หลังจากนั้นเขาก็แขวนนวมด้วยสถิติการชก 4 ไฟต์ที่ชนะสตรีค (3 ครั้งเป็นของ KO) เกษียณในฐานะแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวต WKBF K-1
ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกของจอห์นที่ได้ต่อสู้ในกรงโดยใช้นวม MMA 5oz ออนซ์ และเขาบอกว่าเขาสนุกกับมันมากกว่ามวยไทยแบบดั้งเดิม และคงเกษียณถ้า บัวขาว ป. ประมุข คู่ปรับเก่าตกลงประจันหน้ากับเขาในศึกมวยไทยในกรง
ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจ : เว็บดูบอลสดฟรี
อ่านบทความเพิ่มเติม => เหตุผลทำไมนักมวยไม่รู้สึกเจ็บปวดเวลาต่อสู้