จอร์จ โฟร์แมน ประวัติ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นยักษ์ ผู้หมัดหนักที่สุดตลอดกาล

จอร์จ โฟร์แมน ประวัติ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นยักษ์ ผู้หมัดหนักที่สุดตลอดกาล

จอร์จ โฟร์แมน ประวัติ เมื่อพูดถึงนักมวยรุ่นยุคเก่า ๆ อย่าง จอร์จ โฟร์แมน ต้องบอกว่าเขาคือความน่าเกรงขาม ของวงการมวยโลก เพราะมีดีกรีได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 1968 ที่ เม็กซิโก ซิตี้ และยังเป็นอดีตแชมป์ มวยโลก รุ่นเฮฟวี่เวต ถึง 2 สมัยด้วยกัน

ถึงแม้ว่า นักมวย คืออาชีพที่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ต่อให้จะเคยเก่งกาจหรือโด่งดังแค่ไหนในวันที่ยังชกอยู่ เมื่อถึงวันที่พ่ายแพ้ต่อกายสังขารตัวเองจนต้องแขวนนวม พวกเขาส่วนใหญ่มักจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมากกว่าเดิม แต่ทุกวันนี้ชื่อของ “บิ๊กจอร์จ” ก็ยังเป็นตัวอย่างชั้นดีในฐานะนักมวยผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอ

ชีวิตในวงการมวยของ จอร์จ โฟร์แมน นั้นแตกต่างจากนักชกคนอื่น ๆ ในยุคนั้น ตั้งแต่แรกเลย เพราะเขามีครอบครัวตั้งแต่ยังวัยหนุ่มแน่น แล้วก็ยังคงรักดูแลภรรยาและลูก ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนรักครอบครัวมาก แถมยังเป็นคนที่มีสมาธิ และรักในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างที่สุด

จอร์จ โฟร์แมน ฝึกซ้อมร่างกายไม่เคยขาด แม้จะไม่มีวาจาโอหัง ข่มขวัญศัตรูอย่าง มูฮัมหมัด อาลี แต่เป็นพวกม้ามืด เสือซุ่ม เขาจะมาหลังจากฉากที่วุ่นวาย และเมื่อเขามาถึงทุกคนก็จะรู้ว่า ถ้าจะวัดกันด้วยหมัดเพียว ไม่มีใครสามารถเอาชนะ บิ๊กจอร์จ ได้แน่นอน

สไตล์ของ โฟร์แมน สมัยวัยหนุ่ม ออกมาในรูปแบบของนักชกหมัดล้มควาย ที่มั่นใจในหมัดของตัวเองอย่างที่สุด หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือการจัดอันดับของนิตยสาร The Ring ยังยกให้เขาเป็นเบอร์ 1 เรื่องหมัดหนักเหนือกว่า ไมค์ ไทสัน 

โฟร์แมน อาจจะเป็นนักมวยที่มีความช้า และอาจจะมีการ์ดที่หลวม แต่ด้วยหมัดเด็ด ๆ ที่เขามี สไตล์การชกจึงเป็นการ เดินหน้าไล่ถลุงคู่ชกแบบให้ร่วง แม้ว่าจะต้องแลกมากับการโดนสวนบ้าง แต่หมัดเดียว 1 เท่านั้น ก็สามารถส่งคู่ชกลงไปนอนได้สบาย

ไม่มีเหตุผลที่ จอห์น โฟร์แมน ต้องเลือกเพลย์เซฟ มีอีกฝ่ายนั่นแหละที่ไม่กล้าแลกหมัดกันตรง ๆ แม้ แม้แต่ มูฮัมหมัด อาลี ยังต้องใช้แท็คติกยั่วยุ โฟร์แมน ด้วยคำพูด ไซโคตั้งแต่ก่อนขึ้นชก และ อาศัยความเร็วหลอกให้ โฟร์แมน ปล่อยหมัดจนหมดแรงมากกว่า

อีกทั้ง อาลี ยังยอมรับว่ามีการหย่อนเชือกเพื่อให้เขาสามารถเด้งเชือกหลบ โฟร์แมน ได้ง่ายขึ้น จนตัวของ อาลี ได้รับชัยชนะในไฟต์ประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า “The Rumble in the Jungle” ซึ่งจัดขึ้นในประเทศ ซาอีร์ (ดีอาร์ คองโก ในปัจจุบัน) อันโด่งดังเมื่อปี 1974

เส้นทางการเป็นนักมวยของ จอห์น โฟร์แมน ประวัติ

จอร์จ โฟร์แมน หรือ จอร์จ เอ็ดเวิร์ด โฟร์แมน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิ๊กจอร์จ” เขาเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ปี ค.ศ. 1949 ที่ มาร์แชล เมืองในรัฐเท็กซัสของสหรัฐอเมริกา เป็นนักชกชาวอเมริกันคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จักมากในวงการนักมวย เนื่องจากหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จอร์จ โฟร์แมน นั้นมีการออกหมัดที่หนักหน่วง และมีความมั่นใจในหมัดของตนเองค่อนข้างสูง

ถนนแห่งการไปสู้ อาชีพนักมวย ของ จอร์จ โฟร์แมน นั้น ไม่ได้สวยหรู เพราะชีวิตในวัยเด็ก เขาก็ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน แถมยังในสมัยเด็ก เขาเองก็มีนิสัยที่เกเร ชอบลักขโมยของ ด้วยพฤติกรรมแบบนั้น ทำให้เขาต้องลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี และเมื่ออายุได้ 16 ปี จอห์นก็เริ่มทำงาน โดยให้แม่พาไปฝากงานที่ Job Corps ซึ่งเป็นงานอาชีพช่างไม้และก่อสร้าง

หลังจากได้หรับความช่วยเหลือจากหัวหน้างาน ให้ย้ายไปทำงานที่แคลิฟอร์เนีย จอร์จ โฟร์แมน ก็เริ่มสนใจกีฬาขึ้นมา โดยเขาชอบกีฬาอเมริกันฟุตบอลมาก แต่ทว่าชอบมวยสากลมากว่า เลยตัดสินใจเลือกชกมวย ซึ่งนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ เส้นทางการเป็น นักมวยสากล

ต่อมา โฟร์แมน ก็ชนะการชกเล่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 1967 โดยรอบแรกในการแข่งขัน Parks Diamond Belt Tournament จนเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2511 มีสถิติการชกมวยเล่น 16–4 ครั้งใน การแข่งขันกีฬาคู่เขาแข่งขัน Jonas ซึ่งสถิติการเล่นของมือสมัครคือ 22–4 เมื่อจอร์จข้ามเป็นอาชีพ

ในปี 1968 สามารถคว้าแชมป์โอลิมปิกที่แม็กซิโก ในปี 1969 จอร์จมีการชกทั้งหมด 13 ครั้งในปีนั้นชนะทั้งหมด (11 ครั้งโดยน็อกเอาต์) ในปี 1970 ได้ตำแหน่งรุ่นเฮฟวี่เวตอย่างไม่มีปัญหาโดยชนะทั้งหมด 12 ครั้ง ต่อสู้ที่เขาพ่ายแพ้คือ Gregorio Peralta ต่อเป็นอันดับที่ 7 ของโลกจากเดือนมีนาคม 1971

ในปี 1971 ชนะการต่อสู้อีก 7 ครั้งโดยชนะทั้งหมดโดยการน็อก ซึ่งจอร์จแพ้น็อกเอาต์ในรอบที่ 10 และรอบสุดท้ายใน California ชนะ Leroy Caldwell จอร์จได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ท้าชิงหนึ่งโดยสมาคมมวยโลก ในปี 1972 ยังคงรักษาสถิติไร้จอร์จถูกให้ท้าทายโจเฟรเซียร์แชมป์โลกเฮฟวี่เวทที่ไร้พ่าย

จนกระทั่งเส้นทางการชกมวยของ โฟร์แมน มาพ่ายแพ้ให้กับ มูฮัมมัด อาลี ในปี 1974 หลังจากนั้นอีก 6 ไฟต์ โฟร์แมนได้ประกาศแขวนนวมในครั้งแรกในปี 1977 และกลับมาอีกครั้งในปี 1987 ในอายุ 38 โฟร์แมนชนะอีก 4 ครั้ง ในปีนั้นเขาค่อย ๆ ลดน้ำหนักลงและปรับปรุงสมรรถภาพของเขา โฟร์แมนเก็บชัยชนะ 24 ไฟต์ ชนะน็อกถึง 22 ไฟต์ ก่อนจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลก 3 ในปี 1988 จอร์จชนะ 9 ครั้ง จอร์จ โฟร์แมน pantip

โฟร์แมนทำลายสถิติเป็นนักชกแชมป์โลกเฮฟวี่เวตที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (45 ปี) ด้วยการเอาชนะ ไมเคิล มูเรอร์แบบน็อคเอาต์ในปี 1994 จากนั้นโฟร์แมนก็ป้องกันแชมป์ได้อีก 4 ครั้งกลายเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในอาชีพ และครองสถิติแชมป์โลกอายุมากที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวทมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ไฟต์สุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในปี 1997 โฟร์แมนแพ้คะแนนแชนนอน บริกก์ ก่อนประกาศแขวนนวมในวัย 48 ปี ในที่สุด ไท สัน vs โฟร์แมน

จอร์จ โฟร์แมน ประวัติ ชีวิตหลังแขวนนวม หันมาเป็นนักธุรกิจ อยู่อย่างเสือนอนกิน

เมื่อรวมเส้นทางการชกมวยของ จอร์จ โฟร์แมน มากกว่า 28 ปี และสถิติไร้พ่ายติดต่อกันหลายนัด เจ้าตัวมีดีกรีเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ปี 1968 และแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวต 2 สมัย รวมสถิติการชกมวยสากล ชนะ 76 ครั้งโดยการชนะน็อกนั้นมีมากถึง 68 ครั้งและแพ้เพียง 5 ครั้ง นั่นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่เมื่อเขาเลิกจากการเป็นนักมวยแล้ว เขาไปทำอะไรล่ะ

โฟร์แมน เลิกชกมวย และเริ่มเข้าสู่ธุรกิจการทำเตาย่างแบบเต็มตัว เนื่องจากเขาเคยได้รับการติดต่อมาให้เป็นพรีเซ้นเตอร์เตาย่าง แถมส่วนแบ่งจากยอดขายเตาย่างไหลเทเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ผ่านไปเพียง 1 ปี เตาย่างรุ่นแรกของเขาถูกขายไปแล้วกว่า 1 ร้อยล้านตัว เลยทำให้เขาเกิดไอเดียถึงการทำธุรกิจเตาย่างของตัวเองออกมาขาย

ไอเดียในการทำธุรกิจของเขาพุ่งพล่านไม่มีหยุด พอได้เงินมาเขาเอาเงินไปลงทุนหมุนต่อและเก็บกำไรไว้ ด้วยการเอาไปเปิดบริษัทที่ชื่อว่า “George Foreman Enterprises” และสร้างเตาย่างของเขาขึ้นมาเอง โดยเป็นสินค้าแบบย่างได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง แบบไร้ควันก็มี

นอกจากนี้ โฟร์แมนยังเรียนรู้ไม่หยุด ชขยายไปทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ร้านอาหารแบบแฟรนไชส์ เรียกได้ว่าโฟร์แมน มีทรัพย์สินโดยรวมกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นรองแค่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ คนเดียว หากจะพูดถึงคนในวงการมวยที่ร่ำรวยเหมือนกัน จอร์จ โฟร์แมน wiki

เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขามาได้ไกลในโลกธุรกิจขนาดนี้ โฟร์แมน เล่าว่าไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจ อย่าหยิ่งยะโสคิดว่าตัวเองเก่ง สำคัญที่สุดคือไม่มีการใดสำเร็จได้หากเกิดจากการลงมือทำโดยปราศจากความรู้

ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : UFABET , ดูบอล123

อ่านเพิ่มเติม => นักมวยหมัดหนัก