เหตุใด ONE Championship ถึงกล้าจ่าย ค่าตัวนักมวยไทยหลักล้านต่อไฟต์ได้
ค่าตัวนักมวยไทยหลักล้าน เราเคยสงสัยกันไหม ทำไมนักมวยไทยถึงมีค่าตัวน้อย เมื่อชกอยู่ในประเทศเรา แล้วใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง นักมวยไทยเหล่านั้นจะได้รับโอกาสที่สามารถกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ และสามารถที่จะมีเงินค่าตัวมากถึง หลักล้านได้
ต้องย้อนกลับไปในอดีต เราจะรู้ว่า นักมวยไทยที่ต้องการจะโกอินเตอร์ ด้วยค่าตัวแพงระยิบ หลายคนล้วนไม่พ้นที่จะต้อง หันไปชกกติกาคิกบอกซิ่งในต่างแดน นั่นก็เพราะไม่มีโปรโมเตอร์มวยไทย คนไหนสามารถจ่ายเงินค่าตอบแทนต่อไฟต์ ให้กับนักมวยได้มากถึงหลักล้านนั่นเอง
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็ดันเป็นจริงขึ้นมา เมื่อองค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย อย่าง “ONE Championship” กล้าจะจ่ายค่าตัว 7 หลักให้กับ พ่อกำปั้นสัญชาติไทย ในการชกกติกามวยไทย
ตัวอย่างที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ ก็คือ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่ปัจจุบันเขามีค่าตัวสูงถึง 1.5 ล้านบาทในการชกศึก ONE Championship เช่นเดียวกับ แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ท ที่เปิดตัวในรายการของ ONE ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านบาท หรืออย่างล่าสุด เพชรมรกต เพชรยินดีอคาเดมี เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกมวย ก็มีค่าตัวหลักล้านเช่นกัน
ทั้งที่โดยปกติแล้วนักมวยเหล่านี้ จะมีค่าตัวในการชก ภายในประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 150,000-350,000 บาทเท่านั้น แต่ทำไม ONE Championship ที่จ่ายหนักเพิ่มหลายเท่าตัวให้กับนักมวยไทย จนกลายเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า “มูลค่าและค่าตัวที่แท้จริงของนักชกไทยอยู่ตรงไหน ?”
เพราะโครงสร้างที่ต่างกัน วงการมวยไทย จึงไม่มีทางที่จะให้ ค่าตัวนักมวยไทยหลักล้าน
เหตุผลหนึ่งที่ วงการมวยไทย บ้านเรา ไม่มีทางเลยที่จะให้ค่าตอบแทนสูง ๆ แก่นักมวย ได้อย่าง ONE Championship นั่นก็เป็นเพราะโครงสร้างและระบบของทั้งคู่ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างแรกเลย เราต้องพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ลักษณะโครงสร้างของ วงการมวยไทย กันก่อน นักมวยไทยส่วนใหญ่ ต้องเริ่มต้นหัดชกมวยไทยสมัครเล่น เช่น มวยภูธร มวยงานวัด ตามต่างจังหวัดมาก่อน แลกกับค่าตอบแทนแสนน้อยนิด หลักร้อย หรือ หลักพัน และเพื่อสั่งสมประสบกรณ์
ถ้าหากว่านักมวยไทยคนนั้น มีฝีมือ มีแวว เก่งกาจ ก็จะมีค่ายใหญ่เข้ามาดึงตัวไปอยู่ในสังกัด หรืออาจถูกผลักดันจากหัวหน้าคณะเก่า เสนอชื่อไปให้ โปรโมเตอร์ ที่มีสล็อตจัดการแข่งขันในเวทีมาตรฐาน ซึ่งโปรโมเตอร์ศึกสายใหญ่ ก็จะเป็นผู้พิจารณานำนักชกไปขึ้นรายการ ของเวทีมวยมาตรฐานอย่าง สนามมวยลุมพินี และ สนามมวยราชดำเนิน เป็นต้น ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของ มวยไทย ซึ่งล้วนอยู่ในกรุงเทพทั้งสิ้น
โดยค่าตัวของนักมวยไทยนั้นแหละ ก็เป็นหนึ่งในต้นทุนของโปรโมเตอร์ สำหรับการจัดมวยในแต่ละครั้ง นอกเหนือจากค่าเช่าสนาม และค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ เพื่อจัดการแข่งขัน
แต่รายได้หลักของโปรโมเตอร์ผู้จัดในการจัดมวย จะมาจากการเก็บตั๋วเข้าชม ขณะที่พวกลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ค่าสปอนเซอร์ ค่าโฆษณา อื่น ๆ เป็นรายได้เสริม ยกเว้นบางรายการที่มีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณาทางทีวี และผู้สนับสนุน
ตัวอย่างเช่น ศึกมวยไทย 7 สี ที่จะไม่มีการเก็บค่าเข้าชม แต่จะมีรายได้จากส่วนอื่น ๆ มากพอที่จะดำเนินการจัดการแข่งขันได้
ดังนั้นเอง ค่าตัวของนักมวยไทย จึงต้องสัมพันธ์กับรายได้ของโปรโมเตอร์ด้วย ที่จะมีค่าตัวมากสุดอยู่แค่หลักแสน ไปถึงล้านต้น ๆ ต่อการจัดไฟท์เท่านั้น แต่ก็ต้องเสียค่าเช่าสนาม ค่าตัวนักมวยกว่า 18 คน 9 คู่ ตามโปรแกรมส่วนใหญ่ในการจัด 1 ครั้ง
นักมวยไทยที่มีศักยภาพระดับสูงเท่านั้น ถึงจะมีค่าตัวตันอยู่ที่หลักแสน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เพราะด้วยโครงสร้างและรูปแบบรายได้ที่โปรโมเตอร์ ได้รับนั้น ไม่เยอะมากพอเป็นต้นทุนค่าตัวนักมวยได้มากกว่านี้ ปัจจุบันปรโมเตอร์จำนวนมาก ในยุคปัจจุบันประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากคนดูในสนามลดลง
โครงสร้าง ONE Championship แตกต่างจากวงการมวยไทยอย่างไร
เพราะว่า ONE Championship วางตำแหน่งของตัวเองไว้เป็น องค์กรการต่อสู้ระดับโลก ดังนั้นเรื่องรายรับ และตลาดผู้ชมจึงใหญ่กว่า อุตสาหกรรมมวยไทยอาชีพ ที่ส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่ผู้บริโภคในประเทศหลัก
แต่ ONE มีผู้ชมการถ่ายทอดสด หลัก 100-1,000 ล้านคน จาก 150 ประเทศทั่วโลก และการนำเอาอีเวนต์ “มวยไทย” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่มีการจัดแข่งขันใน ONE ก็มีจุดประสงค์และความมุ่งหมายที่ต่างกันออกไปจากการจัดมวยไทยในประเทศ
“สาเหตุที่เราสามารถจ่ายค่าตัวให้เขาได้มากกว่าตอนชกมวยไทยในประเทศ เพราะเราไม่ได้มองว่าเขาเป็นแค่ Local Hero (ฮีโร่ระดับท้องถิ่น) แต่เราอยากทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็น Global Superstar (ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก) ผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ที่จะมีคนดูเขาพร้อมกัน หลัก 100-1,000 ล้านคน”
“เรื่องค่าตอบแทน ค่าตัว เราจึงต้องทุ่มให้นักต่อสู้ในสังกัดอย่างเต็มที่ มากกว่าที่เขาชกมวยไทยในประเทศ เพื่อให้เขาเต็มที่กับการชก ในแต่ละไฟต์ ไม่ต้องชกบ่อย เพื่อจะได้มีชีวิตที่ยืนยาวได้บนสังเวียน”
“สำหรับค่าตัวนักต่อสู้ในลีกของเรา ที่ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียง ฐานเงินเดือนจะไม่ต่ำกว่า หลักหมื่นปลายๆ ถึงแสนต้นๆ แต่ถ้าเป็นระดับกลางขึ้นไป จะมีค่าตัวต่อไฟต์หลักแสนอัพทั้งนั้น ยิ่งพวกแชมป์โลก ค่าตัวจะสูงถึง หลักแสนปลายๆ ถึงหลักล้าน”
ปลาย – จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธานองค์กร ONE Championship ประเทศไทย มองว่า นักมวยไทยในอุตสาหกรรมมวยอาชีพ ที่ต้องการมีเงินทองหลักล้าน จำเป็นต้องใช้ร่างกาย เพื่อขึ้นชกมวยอย่างสม่ำเสมอ มาตั้งแต่เด็ก
เมื่อขึ้นสู่ระดับท็อปของประเทศ นักมวยยังคงต้องขึ้นรายการชก อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อไปให้จุดนั้น ซึ่งผลที่ตามมา คือ เรื่องสมรรถภาพด้านร่างกายของ นักมวยไทย จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่าที่ควรเป็น และสภาพจิตใจเกิดภาวหมดไฟอันเป็นผลจากชกบ่อยมากเกินไป
แต่ ONE Championship ไม่ได้ต้องการให้นักมวย ขึ้นชกรายการชกทุกเดือน เพราะใช้วิธีแบบองค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลกปฏิบัติกัน นั่นคือ การจ่ายค่าตัวที่สูง และจัดแมตช์การแข่งขันให้นักมวยดาวดังไม่ให้ถี่เกินไป เพื่อให้ร่างกายนักมวยมีความพร้อมมากสุด สามารถมีเวลาเตรียมตัว และโฟกัสกับการฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าตอบแทน หรือกลัวไม่มีรายการชก
ค่าตัวที่เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัวจากชกมวยไทย จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ใส่ไว้ดึงดูดใจ กำปั้นไทย ให้อยากตบเข้าร่วมสังกัด ONE Championship แต่เงินหลักล้านที่องค์กรเสียไป ล้วนมีจุดประสงค์และความต้องการที่อยากได้จาก นักมวยคนนั้น ๆ
ไม่ใช่ว่านักมวยไทยทุกคนจะได้ ค่าตัวนักมวยไทยหลักล้าน หรือถูกเลือกเข้ามาเป็นนักกีฬาในสังกัด
ใครที่กำลังติดตามวงการหมัดมวยบ้านเรา จะเห็นว่าเริ่มมีนักมวยชาวไทยที่เข้าไปเซ็นสัญญา ในสังกัดของ ONE Championship อาทิ เพชรดำ เพชรยินดีอคาเดมี, ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9, พันธ์ุพยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์, สามเอ ไก่ย่างห้าดาว, สแตมป์ แฟร์เท็กซ์, เมืองไทย คลองสวนพลูรีสอร์ท
แต่ขณะเดียวกัน หากไม่รวมพวกที่ติดสัญญากับ องค์กรการต่อสู้อื่นๆ ก็ยังมีนักชกชั้นแนวหน้าของไทย อีกจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ได้อยู่ในข่ายการพิจารณาของ ONE Championship นั่นเท่ากับว่าการคัดเลือกของพวกเขา ย่อมต้องมีคุณสมบัติ หรือหลักเกณฑ์ ไว้ใช้เพื่อพิจารณา
“ในแต่ะวันมีนักกีฬาจากทั่วโลก ส่งรีซูเมมาหาเราเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เพราะมีความต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร ONE” ปธ. ONE Championship ประเทศไทย กล่าวเริ่ม
“ถึงกระนั้น ลีกของเราไม่สามารถรองรับนักกีฬาได้ทุกคน คนที่ถูกเลือกเข้ามา ย่อมต้องผ่านกระบวนการคัดสรร เพื่อดูว่าเขามีศักยภาพดีพอจะก้าวข้ามจาก Local Hero มาสู่การเป็น Global Superstar หรือยัง หรือนักมวยคนนั้นมีฐานแฟนคลับมากน้อยแค่ไหน สามารถต่อยอดอะไรได้บ้าง”
ค่ายและทีมงาน จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำสำคัญสำหรับการพิจารณา นอกเหนือจากตัวนักมวย โดยในส่วนของ ONE Championship มีทีมงานสเกาท์ในแต่ละประเทศ เพื่อเช็คและศึกษาตัวนักมวยว่ามีสไตล์การชกแบบไหน ผลงานเป็นอย่างไร และค่าย ทีมงานที่ดูแลเป็นใคร มีมาตรฐาน ความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน
รวมถึงการศึกษาดูเรื่องทักษะการสื่อสาร และพฤติกรรมของนักมวยไทย เนื่องจาก ONE Championship ใช้การถ่ายทอดสดที่เน้นเป็นรายการสำหรับครอบครัว (Family Event) ฉะนั้น ONE จึงค่อนข้างต้องลงลึกในตัวนักกีฬาแต่ละคนว่า เขามีความเสี่ยงแค่ไหน ที่จะกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
มากกว่าแค่เรื่องของฝีมือ การจะเป็นซุเปอร์สตาร์ ต้องมีอะไรมากกว่านั้น
“ONE Championship เป็นองค์กรทำธุรกิจ Sport Entertainment (กีฬาเพื่อความบันเทิง) นักกีฬาในลีกของเรา จึงต้องรู้ไว้ว่า เขาจะต้องมีทั้งความเป็น นักกีฬาที่ดี, ผู้มอบความบันเทิงแก่ชม และบุคคลสาธารณะที่ดีได้ด้วย ไม่ใช่หวังพึ่งแค่ทักษะด้านการต่อสู้อย่างเดียว”
“เพราะต่อให้นักมวยคนนั้น มีความสามารถอย่างมาก แต่หากเขามีพฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น การใช้โชเซียลที่ไม่เหมาะสม, ยาเสพติด หรืออะไรที่ส่อทางไปการพนัน เรื่องผิดกฏหมาย เราจะไม่เสี่ยงกับนักกีฬาคนนั้น” จิรณัฐ อัษฎามงคล เผย
ค่าตอบแทนความเหนื่อยยากลำบาก หลักล้านต่อไฟต์ คงเป็นเป้าหมายและสิ่งที่ นักมวยไทยในยุคนี้ ปรารถนาอยากจะไปคว้ามันมา เพราะมีตัวอย่างของ นักมวยไทยจำนวนหนึ่ง ที่ทำได้มาแล้วในศึก ONE Championship
แต่การจะไปให้ถึงจุดได้นั้น ย่อมต้องอาศัยองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมืออย่างเดียว ต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ทั้งการเป็น นักสื่อสารที่ดี, นักเอ็นเตอร์เทน และที่สำคัญต้องรู้จักสร้างมูลค่าให้ตัวเอง มีคุณค่า เพื่อสร้างโอกาสในการไปให้ถึงจุดหมายนั้น
“เราอยากให้นักมวยไทยเปลี่ยนความคิดที่มองตัวเองเป็น หมาล่าเนื้อ แทนที่เขาจะรอโอกาสในการชกจากโปรโมเตอร์เพื่อหารายได้ เขาควรที่จะต้องสำรวจตัวเอง และเรียนรู้ทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะการสื่อสาร หรือสร้างตัวตน จุดขาย และฐานแฟนคลับขึ้นมา”
“ถ้าคุณมีทักษะการสื่อสารที่ดี มีฝีมือที่ดี และค่ายที่ดูแลคุณดี โอกาสที่คุณจะถูก องค์กร โปรโมตให้เป็นซูเปอร์สตาร์ ก็มีสูง นี่คือสิ่งที่นักมวยไทยต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง หากต้องการโอกาสในการมีรายได้ค่าตอบแทนสูง ในอาชีพการชกมวย ต้องเป็นให้มากกว่าแค่ นักต่อสู้” จิติณัฐ ทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของมวยจาก : แทงบอลออนไลน์ , ดูบอล
อ่านเพิ่มเติม => ฮูลิโอ ซีซาร์ ชาเวซ